วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2551

ตอร์เรสชูราฟาช่วยยกระดับเป็นยอดดาวยิง


เฟร์นานโด ตอร์เรส ยอดหัวหอก ลิเวอร์พูล ชี้นิสัยในการใส่ใจรายละเอียดของ ราฟาเอล เบนิเตซ มีส่วนสำคัญอย่างมากในการช่วยให้ตัวเองก้าวมาเป็นดาวยิงซูเปอร์สตาร์อย่างทุกวันนี้ ระบุ "เอล ราฟา" วิเคราะห์ทุกอย่างละเอียดยิบเลยทีเดียว พร้อมบอก คิดถูกแล้วที่ย้ายซบ "หงส์แดง" ทำให้ได้โชว์ฝีเท้าในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ดังใจฝัน
เฟร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงตัวฉกาจของ ลิเวอร์พูล ยอดทีมแห่งศึกพรีเมียร์ลีก เชื่อว่า อุปนิสัยในการใส่ใจรายละเอียดทุกอย่างของ ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีม "หงส์แดง" มีส่วนช่วยให้ตนกลายเป็นหัวหอกซูเปอร์สตาร์ หลังระเบิดฟอร์มล่าตาข่ายได้อย่างสุดยอดนับตั้งแต่ย้ายจาก แอตเลติโก มาดริด ในบ้านเกิดมาค้าแข้งยังถิ่น แอนฟิลด์ เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ด้วยการยิงไปแล้ว 30 ประตูจากการลงสนาม 42 นัด
ทั้งนี้ หัวหอกทีมชาติสเปน ไม่เคยถูกมองว่าเป็นกองหน้าที่ยิงได้เป็นกอบเป็นกำ เมื่อครั้งที่ยังเล่นอยู่ในบ้านเกิด อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ย้ายมาค้าแข้งในถิ่น แอนฟิลด์ ด้วยค่าตัว 21 ล้านปอนด์ (ราว 1,323 ล้านบาท) เจ้าตัวกลับระเบิดฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจสุดๆ แถมยังสามารถปรับตัวเข้ากับการใช้ชีวิตในอังกฤษได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
ดาวยิง "หงส์แดง" กล่าวกับหนังสือพิมพ์ "เดลี่ สตาร์" ในแดนผู้ดีว่า "ราฟา เบนิเตซ เป็นคนที่ใส่ใจกับรายละเอียดต่างๆ อย่างมาก เขาคำนวนทุกอย่าง ทั้งการวิ่งและการแย่งบอล เขาวิเคราะห์เรื่องเหล่านี้ไว้ในคอมพิวเตอร์ และถ้าเขาบอกคุณให้ยืนห่างจากจุดโทษ 5 ฟุต คุณก็จะไม่สนใจที่จะไปยืนในระยะ 6 ฟุตเลย เขาจะแสดงให้คุณเห็นว่าระยะทางที่เพิ่มขึ้นสร้างความแตกต่างระหว่างการยิงเข้าประตูกับการยิงพลาด ซึ่งสำหรับผมแล้วมันได้ผลดีทีเดียว"
"ข้อพิสูจน์สำหรับผมคือผมไม่เคยยิงแฮตทริกได้ในเกมระดับสโมสรมาก่อนเลยในชีวิต จนกระทั่งย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล ซึ่งผมซัดแฮตทริกไป 3 ครั้งแล้ว ราฟา อธิบายทุกสิ่งกับผมก่อนที่ผมจะเซ็นสัญญา ทั้งวิธีการเล่นและเป้าหมายของพวกเรา เขาอธิบายตารางการทำงานให้ผมรู้ล่วงหน้าเลยด้วยซ้ำ เขามีพลังการโน้มน้าวที่สุดยอด และเขาต้องการก็ต้องการผลงานที่ดีจากพวกเราอย่างมาก"
พร้อมกันนี้ กองหน้าเลือดกระทิง ยังคาดว่าเกมที่พลพรรค "เร้ด แมชีน" จะบุกไปเยือน เชลซี ที่สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 วันพุธที่ 30 เม.ย.นี้ จะเป็นเกมที่ดุเดือดอย่างแน่นอน หลังจากทั้งคู่เสมอกันมา 1-1 ในเกมนัดแรก
"ผมต้องการดวลกับกองหลังอย่าง จอห์น เทอร์รี่ และ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ มานานแล้ว ครั้งนี้ผมจะพยายามตอบโต้พวกเขาด้วยการยิงประตูสัก 2 ลูก นักเตะทุกคนต่างฝันที่จะได้ลงเล่นใน แชมเปี้ยนส์ ลีก กันทั้งนั้น และในช่วงเวลาแค่ไม่กี่เดือน ผมเปลี่ยนจากคนที่นั่งดูเกมทางหน้าจอโทรทัศน์มาเป็นนักเตะที่มีส่วนร่วมในการฟาดแข้งรายการนี้ ผมรู้แค่ว่าผมทำถูกแล้วที่ตัดสินใจย้ายมาร่วมทีม ลิเวอร์พูล" "เอล นินโญ่" กล่าวทิ้งท้าย

วันจันทร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2551

วิพากษ์ศึกชี้ชะตา สิงห์บลูส์ Vs. หงส์แดง



ไม่ว่าบทสรุปของเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ เชลซี ที่สนาม แอนฟิลด์ ในวันพุธที่ 30 เม.ย.นี้ จะออกมาเป็นอย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่เราไม่น่าจะได้เห็นในเกมที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ค่อนข้างแน่คือการยิงประตูกันแบบถล่มทลายจากทั้ง 2 ทีม
เกม 7 นัดหลังสุดที่ 2 ทีมยักษ์ใหญ่แห่งพรีเมียร์ลีกคู่นี้เจอกัน มีประตูเฉลี่ยเพียงเกมละ 0.7 ประตูเท่านั้น โดย มาร์ค ลอว์เรนสัน อดีตปราการหลังจอมแกร่งของ "หงส์แดง" ก็คิดว่าเกมในวันพุธนี้ก็น่าจะเป็นไปในรูปแบบเดิมอีกคำรบ นั่นคือทั้งคู่คงทะลวงตาข่ายกันได้จุ๋มจิ๋มเช่นเคย
"เชลซี กับ ลิเวอร์พูล ต่างก็เล่นได้เหนียวแน่นพอๆกัน เกมในนัดแรกที่ผ่านมาน่าจะเป็นเกมที่ทั้ง 2 ฝ่ายมีโอกาสยิงประตูกันมากที่สุดแล้วในรอบหลายๆนัดหลังที่ทั้งคู่ดวลกัน แต่มันก็ยังมีโอกาสไม่มากเท่าที่ควรอยู่ดี ผมคิดว่าผู้ชนะในเกมนี้น่าจะเป็นทีมที่ก่อความผิดพลาดน้อยกว่าคู่ต่อสู้" ลอว์โร่ ว่าเอาไว้อย่างนั้น
สำหรับผลเสมอ 1-1 ในศึกชิงตั๋วไปมอสโกยกแรกที่ แอนฟิลด์ เมื่อวันอังคารที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น ถือเป็นเกมที่มีประตูมากที่สุดในเกมที่ทั้งคู่เจอกันในถ้วยใบใหญ่สุดของยุโรป โดย 6 เกมก่อนหน้านี้มีประตูให้แฟนบอลได้เฮกันชนิดจุ๋มจิ๋มแค่ 3 ลูกเท่านั้น และ ลอว์เรนสัน ซึ่งเคยคว้าแชมป์ถ้วยนี้กับ "หงส์แดง" มาแล้วเมื่อปี 1984 ก็ให้ความเห็นว่า มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะต้องบอกว่า สไตล์การเล่นแบบรัดกุมของทั้ง 2 ทีม มีผลมาจากทัศนคติของผู้จัดการทีมของทั้งคู่นั่นเอง
"ถ้าคุณลองดูผู้จัดการทีมทั้ง 2 คน ทั้ง ราฟาเอล เบนิเตซ และ อัฟราม แกรนท์ ต่างมีปรัชญาในเกมฟุตบอลที่เน้นความแน่นอนด้วยกันทั้งคู่ คุณอาจจะเป็นผู้จัดการทีมที่ชื่นชอบการเล่นเกมรุกเป็นชีวิตจิตใจ หรืออาจจะเป็นพวกที่ชอบการเน้นตั้งรับไว้ก่อนก็เป็นได้ แต่ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะเป็นอย่างหลังมากกว่า"
จากการที่เสียประตูตีเสมอ 1-1 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของเกมนัดแรก ส่งผลให้ในเกมนี้ ขุนพล "หงส์แดง" ต้องบุกไปยิงประตูให้ได้ในสนามที่พวกเขาคลำเป้าไม่เจอมา 8 นัดติดต่อกันเข้าให้แล้วในยุคของกุนซือเลือดกระทิงดุ อย่างไรก็ตาม ลอว์เรนสัน เชื่อว่ายอดทีมจากเมอร์ซี่ย์ไซด์น่าจะทำได้สำเร็จ "ผมคิดว่าเกมที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ น่าจะจบลงที่สกอร์ 1-1 นะ ผมไม่ได้เข้าข้าง ลิเวอร์พูล แต่พักหลังๆนี้ เชลซี เล่นได้ไม่ค่อยดีนัก ผมคิดว่า ลิเวอร์พูล น่าจะยิงประตูได้"
ลอว์เรนสัน ไม่ใช่คนเดียวที่คิดว่า ลิเวอร์พูล จะเล่นเกมรุกได้ดีขึ้นในการลงเล่นที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ แพท เนวิน อดีตปีกตัวกลั่นของ เชลซี ก็คิดแบบนั้นเช่นกัน โดยอดีตดาวเตะ "สิงโตน้ำเงินคราม" คาดหวังว่าเกมนัดนี้จะดุเดือดกว่าเกมที่ทั้งคู่พบกันในลีกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งลงเอยด้วยการเสมอกันไปแบบไร้สกอร์
"ผมอยู่ในสนามด้วย ในเกมล่าสุดที่ เชลซี กับ ลิเวอร์พูล พบกันที่ เดอะ บริดจ์ และผมก็ตื่นอยู่ตลอดทั้งเกมเลย" เนวิน ยิงมุกนำร่อง "มันเป็นเกมที่น่าเบื่อที่สุดเกมหนึ่งที่ผมเคยดูมาเลย นักเตะ 2 คนที่ดีที่สุดในเกมนั้นคือมิดฟิลด์ตัวกลาง 2 คน แต่เกมนั้นมันจะไม่เหมือนเกมนัดนี้แน่ เพราะ ลิเวอร์พูล มีภารกิจที่จะต้องทำประตูให้ได้"
เนวิน ซึ่งค้าแข้งอยู่กับ เชลซี อยู่ 5 ปี ในช่วงทศวรรษที่ 1980 มองว่ายอดทีมแห่งกรุงลอนดอนมีภาษีดีกว่าเล็กน้อยในการผ่านเข้าไปเล่นในนัดชิงชนะเลิศที่กรุงมอสโก เมื่อประเมินจากเกมรับอันแข็งแกร่งของพวกเขา โดยชี้ว่าปีเตอร์ เช็ก ผู้รักษาประตูจอมหนึบ และ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟจอมแกร่งคือกุญแจสำคัญ หลังจากที่ทั้งคู่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมนัดแรกที่ แอนฟิลด์ เมื่อสัปดาห์ก่อน โดยนายทวารทีมชาติสาธารณรัฐเช็กสามารถเซฟลูกยิงของ เฟร์นานโด ตอร์เรส กับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด เอาไว้ได้ ขณะที่ปราการหลังทีมชาติโปรตุเกสเองก็ขันน็อตในแนวรับให้กับ "สิงห์บลูส์" ได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน
"ผมคิดว่า เชลซี น่าจะได้ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศ เพราะ เช็ก ฟิตพร้อมลงสนาม เช่นเดียวกับ คาร์วัลโญ่ กองหลังที่ดีที่สุดในโลกของผมในเวลานี้ก็คือ คาร์วัลโญ่ เขาอ่านเกมได้เฉียบขาด เสียบสกัดได้แน่นอน และมีจังหวะการเข้าบอลที่ดีอย่างน่าอัศจรรย์ ผมจำได้ถึงเกมที่ แอนฟิลด์ ที่เขามาช่วยซ้อน จอห์น เทอร์รี่ เอาไว้ได้ถึง 2 ครั้ง 2 ครา คุณไม่รู้หรอกว่าเขาเร็วขนาดไหน เขาเป็นกองหลังที่ครบเครื่องอย่างแท้จริง การที่พวกเขามีเกมรับที่แข็งแกร่ง และการได้ มิชาเอล เอสเซียง พ้นโทษแบนกลับมาช่วยทีมได้นั้น มันหมายความว่า เชลซี มีโอกาสที่ดีมากๆในการคว้าตั๋วไปตะลุย มอสโก" อดีตปีกจรวด "สิงห์บลูส์" ทิ้งท้าย
ซำเหมาขี่เก๋ง

วันศุกร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2551

ราฟาเชื่อหงส์แกร่งขึ้นแน่ หลังคุยเจ้าของหงส์ลงตัว


ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือ ลิเวอร์พูล มั่นใจต้นสังกัดจะแข็งแกร่งขึ้น หลังจากมีการหารือกับเจ้าของสโมสรถึงการคว้านักเตะใหม่เสริมทัพในซีซั่นหน้า ชี้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี และมีความคืบหน้าในการเดินหน้าเสริมทัพ
ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก ออกมากล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ 25 เมษายน ที่ผ่านมา ว่า เขามั่นใจว่าต้นสังกัดจะแข็งแกร่งขึ้น หลังจากที่มีการหารือร่วมกับเจ้าของสโมสรเกี่ยวกับการคว้านักเตะใหม่เข้ามาเสริมทัพในฤดูกาลหน้า แม้ที่ผ่านมามีความขัดแย้งกันในหมู่ผู้บริหารก็ตาม
สโมสร ลิเวอร์พูล เกิดเรื่องวุ่นวายมาตลอดในระยะหลัง จากการที่ ทอม ฮิคส์ และ จอร์จ ยิลเล็ตต์ 2 เจ้าของสโมสรชาวอเมริกัน มีความขัดแย้งกัน รวมถึง ริค แพร์รี่ ประธานบริหาร "หงส์แดง" ก็อยู่ในภาวะเสี่ยงอย่างยิ่งต่อการถูกปลดออกจากตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ยอดทีมแห่งถิ่นแอนฟิลด์ มีการประชุมเพื่อหารือกันถึงการคว้าตัวนักเตะใหม่ และ เบนิเตซ ก็มั่นใจว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี
"คุณรู้ว่าเรามีเจ้าของ 2 คนและประธานบริหารอีกคน เราต้องการก้าวหน้า ความรับผิดชอบของผมคือการเตรียมทีมสำหรับอนาคตและปรับปรุงทีม ดังนั้น ผมจึงอยากคุยกับพวกเขา เราได้คุยกันเกี่ยวกับเป้าหมายและเรื่องพวกนั้น มันเป็นไปด้วยดี เราคุยกันเกี่ยวกับวิธีการพัฒนาและความก้าวหน้า เพราะมันสำคัญที่จะต้องคว้านักเตะที่เหมาะสมเข้ามาในอนาคต หลังการประชุมเราพยายามที่จะเดินหน้ากับเป้าหมายบางราย เมื่อสัปดาห์ก่อนเราทำสิ่งนี้และสัปดาห์นี้ก็เช่นกัน ผมคิดว่าเราจะแข็งแกร่งขึ้นในสัปดาห์หน้า" เบนิเตซ กล่าว

วันจันทร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2551

เปิดใจ ไรอัน บาเบล "เพชรที่กำลังถูกเจียระไน"



หลังจากใช้เวลาปรับตัวกับเกมลูกหนังอังกฤษมาระยะหนึ่ง ไรอัน บาเบล ดาวเตะตัวรุกสายเลือดดัตช์วัย 21 ปี เริ่มฉายแววการเล่นที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์ออกมา โดยเฉพาะการรับบทบาทปีกซ้ายที่ทำให้เกมบุกของขุนพล "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล มีความหลากหลายมากขึ้น
ในตอนนี้ทำได้แต่รอเวลาให้ ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือชาวสเปนค่อยๆเจียระไนบาเบล อย่างประณีตเพื่อให้ออกมาเป็นเพชรเม็ดงามประดับวงการลูกหนังโลกอย่างที่หลายคนคาดการณ์เอาไว้ตั้งแต่เขาประเดิมสนามระดับอาชีพครั้งแรกกับอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม เมื่อ 4 ปีก่อน....
ตอนนี้คุณปรับตัวเข้ากับชีวิตที่ลิเวอร์พูลได้สมบูรณ์รึยัง ?
บาเบล : "เป็นธรรมดาที่ผมจะต้องคิดถึงครอบครัว,เพื่อนๆ และอัมสเตอร์ดัมบ้านเกิดของผม แต่ผมก็ไม่ได้มีอาการโฮมซิคขนาดหนักเหมือนนักเตะต่างชาติคนอื่นๆ หรอกนะ ชีวิตใหม่ของผมเต็มไปด้วยสิ่งที่ยอดเยี่ยม,ความตื่นเต้น และแรงจูงใจมากมาย นับตั้งแต่ผมกับแฟน,พ่อแม่ และเอเย่นต์ส่วนตัว เดินทางมาถึงสนามบินจอห์น เลนน่อน (เมื่อเดือนก.ค.ปีที่ผ่านมา) แล้วเห็นคนขับรถยืนถือป้ายที่มีชื่อของผมเขียนอยู่ก็สร้างความรู้สึกพิเศษให้ผมมาก และหลังจากได้คุยกับราฟาเอล เบนิเตซ ที่สนามซ้อมของสโมสรมันก็ยืนยันได้ทันทีว่าผมตัดสินใจถูกต้องแล้ว"
ผู้จัดการทีมเบนิเตซ พูดอะไรกับคุณบ้าง ?
บาเบล : "เขาบอกว่าที่เซ็นสัญญากับผมก็เพราะอยากมีผู้เล่นที่สามารถพาบอลผ่านคู่แข่งด้วยทักษะเฉพาะตัวอยู่ในทีมมากขึ้น และพร้อมให้เวลาผมอย่างเต็มที่เพื่อปรับตัวให้คุ้นเคยกับระดับการเล่นของพรีเมียร์ชิพ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับผม และถือเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตการเล่นของผม แม้ว่าสถานะของการเป็นนักเตะดาวรุ่งที่มีพรสวรรค์จะทำให้ต้องเผชิญความคาดหวังที่มากพอสมควร แต่ลิเวอร์พูลมองว่าผมเป็นเพชรหยาบที่รอถูกเจียระไนให้ออกมาสวยงาม"
ดูเหมือนทุกอย่างจะเกิดขึ้นเป็นขั้นเป็นตอนโดยที่คุณไม่ต้องทำอะไรเลย ?
บาเบล : "ผมพยายามทำใจให้สงบนิ่ง หลายคนคิดว่าผมเป็นคนเข้มแข็ง และไม่มีอะไรรบกวนจิตใจของผมได้ แต่ความจริงมันตรงกันข้ามกันเลย หลังจากมาร์โก ฟาน บาสเท่น เลือกผมอยู่ในทีมชุดเวิลด์ คัพ 2006 บางคนถามผมว่าแอบกระโดดดีใจรึเปล่า? มันไม่ได้เป็นอย่างนั่นเลย ในใจของผมรู้สึกมีความสุขมาก แต่คุณคงไม่มีทางเห็น"
รู้สึกแปลกใจบ้างไหมที่การย้ายทีมเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว ?
บาเบล : "ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องย้ายออกจากอาแจ็กซ์เพื่อให้การเล่นของตัวเองพัฒนาสู่อีกขั้นหนึ่ง 2 ปีก่อนหน้านี้ลิเวอร์พูลเคยแสดงความสนใจผมมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ตอนนั่นผมรู้สึกไม่ดีเท่าไร ผมไม่รู้จักอะไรเกี่ยวกับพวกเขา ชื่อของสโมสรไม่ทำให้ผมรู้สึกถึงแรงจูงใจอะไรเลย ทั้งหมดมาจากความไร้เดียงสาเกินปกติของผมเอง"
"จนกระทั่งหน้าร้อนปีที่แล้วสถานการณ์ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเพราะลิเวอร์พูลเพิ่งจะเข้าถึงรอบชิงแชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 ปี เอเย่นต์ของผมบอกว่าพวกเขาเพิ่งซื้อเฟร์นานโด ตอร์เรส ไปร่วมทีม มันเลยยิ่งสร้างความสนใจให้ผมมากขึ้น ลินด์ซี่ย์ (คนรัก) ก็มีส่วนอย่างมากเราคุยกันอย่างจริงจังเป็นอาทิตย์ เราสองคนยังอาศัยอยู่ที่บ้านพ่อแม่ของตัวเอง แต่ก็คุยๆเรื่องการย้ายมาอยู่ด้วยกันไว้บ้างแล้ว การย้ายทีมที่เกิดขึ้นถือเป็นจุดเปลี่ยนแปลงสำคัญในความสัมพันธ์ของเรา และท้ายที่สุดเราก็ตัดสินใจตอบรับ"
"นอกเหนือจากนี้เบนิเตซ ยังบอกให้ผมโทรไปคุยกับเขาเป็นการส่วนตัวเพื่อบอกการตัดสินใจ เอเย่นต์ของผมให้เบอร์มา และหลังจากพยายามโทรอยู่ 4 ครั้งผมก็ได้คุยกับเขา เราพูดคุยกันอย่างเปิดอก เบนิเตซ เป็นคนที่ตรงไปตรงมา และบอกผมเกี่ยวกับระบบหมุนเวียนนักเตะ แต่สิ่งสำคัญที่สุดในการพูดคุยคือผมรู้สึกได้ว่าเขารู้จักผมในฐานะผู้เล่นเป็นอย่างดี เขาต้องศึกษาข้อมูลของผมมาอย่างละเอียดจริงๆ"
ครอบครัวของคุณมีความสำคัญมากแค่ไหน ?
บาเบล : "สำหรับผมความเห็นของพ่อ,แม่ และเอเย่นต์มีความสำคัญมาก ตั้งแต่อายุ 14 ปีที่ผมได้เจอกับวินนี่ (ฮาเทรชท์,เอเย่นต์) เป็นครั้งแรก เราได้วางแผนร่วมกันว่าเป้าหมายที่จะต้องทำให้สำเร็จคืออะไร ทุกๆ 2 เดือนเราจะนัดพบกัน และเขียนเป้าหมายใหม่ๆที่เพิ่มเข้ามา คุณต้องได้เห็นถึงจะเข้าใจสำหรับสัญญาขั้นพื้นฐานที่ผมต้องทำให้สำเร็จ ทุกอย่างถูกบันทึกไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของพ่อแม่ผมหมดเลย"
คงมีนักเตะดาวรุ่งเพียงไม่กี่คนที่มีความมุ่งมั่นแบบนี้จริงไหม ?
บาเบล : "หลังจากเกมแรกของผมกับอาแจ็กซ์ ทุกคนในครอบครัวเริ่มเห็นว่าผมต้องรับมือปัญหามากมาย ช่วงเวลานั่นผมออกไปฝึกซ้อม และกลับมาสนุกกับเพื่อนๆ ในตอนเย็น ผมไม่สนใจความเหนื่อยล้าของร่างกาย และออกไปเที่ยวในเมืองเกือบทุกวัน แต่พอผ่านไปได้ 2-3 เดือนผมก็เริ่มรู้ว่าบางครั้งตัวเองไม่เหลือเรี่ยวแรงพอจะทุ่มเทให้การฝึกซ้อม และแข่งขัน ทำให้ฟอร์มการเล่นของผมไม่สม่ำเสมอ พ่อแม่ของผม และวินนี่ พูดตรงกันว่าผมควรจะเข้านอนเร็วขึ้นเพื่อให้มีเวลาพักผ่อนมากๆ และรู้จักควบคุมการทานอาหาร กินอาหารเช้าที่มีประโยชน์ ไม่ใช่นั่งกินขนมปังเป็นแถวๆ"
"หลังจากกินอาหารเย็นมื้อใหญ่ไปแล้ว ถึงบางครั้งผมจะคิดว่าทำไมตัวเองต้องมาทนเรื่องไร้สาระพวกนี้ก็ตาม พ่อของผมเป็นคนที่ให้คำวิจารณ์ได้ตรงเป้ามากที่สุด อย่างเราคุยกัน 10 เรื่องมีดีอยู่ 8 เรื่อง เขาก็จะไปให้ความจริงจังกับอีก 2 เรื่องที่ไม่ถูกต้อง หลายปีที่ผ่านมาบ่อยครั้งที่เราโต้เถียงกันอย่างดุเดือดแต่ทั้งหมดก็เพื่ออาชีพการเล่นของผม ผมสนุกกับฤดูกาลที่แล้ว (กับอาแจ็กซ์) อย่างมาก ทั้งหมดก็ต้องขอบคุณการทำงานพิเศษนอกสนาม และการรู้จักใช้ชีวิตให้เรียบง่าย"
และคุณยังคงรักษาระดับความมุ่งมั่นแบบนี้เอาไว้ในการเล่นกับลิเวอร์พูล ?
บาเบล : "ใช่แล้ว ผมเรียนรู้มากมายจากที่นี่ และเป็นอีกครั้งที่ผมได้เห็นว่ารายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ช่วยสร้างความแตกต่าง หลังจากจบการแข่งขันเราต้องไปยืนแช่ในอ่างน้ำแข็ง 5 นาที อาการตะคริว และความรู้สึกเสียวแถวหน้าอกจะแพร่ซ่านออกมา แต่มันให้ผลดีกับอาการฉีกขาดเล็กน้อยของกล้ามเนื้อ น้ำเย็นจะช่วยลดความเสียหายได้ทันที ระหว่างปรี-ซีซั่น ผมต้องทนแช่น้ำเย็นทุกครั้งหลังการซ้อม"
"มันหนาวสะท้านไปทั้งตัว ช่วงแรกๆ ผมก็ทนได้แค่ครึ่งนาที และบางครั้งก็แอบโกงด้วยการไปยืนแช่น้ำโดยใส่ชุดวอร์มพร้อมถุงเท้า มันทำให้ผมรู้สึกขยาดตั้งแต่ยังซ้อมไม่เสร็จ แต่ตอนนี้ผมก็ชินแล้ว และเป็นผลดีกับผมที่ต้องอาศัยความยืดหยุ่นของร่างกายในการเล่นค่อนข้างสูง พอทำแบบนี้วันรุ่งขึ้นร่างกายผมไม่เหลือความเหนื่อยล้าอยู่เลย"
คุณพอใจกับพัฒนาการของตัวเองที่เกิดขึ้นในฤดูกาลนี้หรือไม่ ?
บาเบล : "ผมก็พอใจระดับหนึ่ง แน่นอนว่าผมอยากลงเล่นมากกว่านี้ และนั่นก็เป็นเรื่องปกติ บางครั้งผมก็ผิดหวังมาก แต่เบนิเตซ มีเหตุผลของเขา และเลือกที่จะหมุนเวียนผู้เล่นอยู่ตลอด ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมรู้มาก่อน และเป็นคนยอมรับมันเอง เราจะรู้ว่าใครได้ลงเล่นเพียงแค่ 1 ชั่วโมงก่อนเกม ในการฝึกซ้อมคุณไม่มีทางเดาได้เลยว่านักเตะคนไหนจะเป็นตัวจริงในเกมต่อไป"
"ตอนนี้ผมก็เริ่มคุ้นเคยมากขึ้นถึงจะมีคนมากมายรู้สึกแปลกกับวิธีการนี้ แต่เบนิเตซ เป็นโค้ชที่เก่ง และเป็นคนที่น่านับถือ มันเป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมผมไม่ได้ลงเล่นเต็ม 90 นาที สภาพร่างกายของผมยังไม่แข็งแกร่งถึงระดับที่จะลงเล่นในเกมที่มีจังหวะเร็วอย่างบ้าคลั่งของพรีเมียร์ลีกตลอด 90 นาที แม้ว่าจะเจอสโมสรเล็กๆ สำหรับผมก็ยังลำบากอยู่ ดี"
จ้ำ

ตอร์เรสตื้นตันกองเชียร์รับเกือบทำตนน้ำตาริน


เฟร์นานโด ตอร์เรส กองหน้าฟอร์มฮอตของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ยอมรับแบบไม่อายว่าเกือบน้ำตานองหน้า หลังได้ยินสาวก "เดอะ ค็อป" ตะโกนร้องเพลงเชียร์ ในเกมชนะ อาร์เซน่อล 4-2 รอบ 8 ทีม เกมแชมเปี้ยนส์ ลีก ยันไม่เคยรู้สึกเหนื่อย และพร้อมลงกระซวกตาข่ายทุกเกมที่เหลืออยู่
เฟร์นานโด ตอร์เรส กองหน้าทีมชาติสเปนของลิเวอร์พูล ยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก ออกมายอมรับว่ารู้สึกประทับใจจนแทบน้ำตาไหลหลังได้ยินเสียงของแฟนบอล "เดอะ ค็อป" ที่ตะโกนร้องเพลงเชียร์ในเกมชนะ อาร์เซน่อล 4-2 ที่แอนฟิลด์ เกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน
อดีตหัวหอก แอตเลติโก มาดริด ที่เตรียมลงกระซวกตาข่ายเกมพบ เชลซี ศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบตัดเชือก ที่แอนฟิลด์ วันอังคารที่ 22 เม.ย.นี้ กล่าวว่า "อารมณ์ของผมที่รู้สึกหลังจากจบเกมกับอาร์เซน่อล มันสุดยอดเกินคำบรรยาย ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลยจริงๆ ผมเกือบร้องไห้ออกมาหลังจากจบเกม เมื่อตอนที่กองเชียร์ร้องเพลงให้ผม"
"ถ้ารอบก่อนรองชนะเลิศมันยอดเยี่ยมขนาดนี้ ผมไม่สามารถจินตนาการถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในเกมพบ เชลซี ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นแมตช์ที่ยิ่งใหญ่มากในอาชีพของผม ผมรู้ฟุตบอลมีความหมายมาก และสามารถทำให้ทุกคนมีความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ แต่มันยังเป็นประสบการณ์ใหม่สำหรับผม ผมยิงประตูแรกที่สำคัญมากให้ ลิเวอร์พูล เกมพบ เชลซี (เสมอ 1-1) และผมอยากทำได้อีกครั้งในวันอังคารนี้"
ดาวยิงเจ้าของฉายา "เอล นินโญ่" ที่สังหาร 30 ประตูในซีซั่นแรกที่ย้ายมาร่วมทัพ "หงส์แดง" เผยว่าไม่เคยรู้สึกเหนื่อยเลย แม้จะต้องลงช่วยทีมหลายนัด พร้อมมั่นใจว่าจะยิงประตูได้มากมายในถิ่นแอนฟิลด์แน่นอน "ผู้คนถามผมว่า ตอนนี้ผมรู้เหนื่อยไหม เพราะผมเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายกับซีซั่นแรกในอังกฤษ แน่นอนว่ามันเป็นลีกที่หนักมาก แต่ผมไม่ได้รู้สึกเหนื่อยแม้แต่นิดเดียว"
"เมื่อคุณยิงประตูได้มากมาย และทีมเก็บชัยชนะได้เรื่อยๆ คุณก็ย่อมมีพลังเพิ่มมากขึ้น แต่เมื่อทีมกำลังอยู่ในช่วงที่ยากลำบาก และคุณเล่นได้ไม่ดี หรือยิงประตูไม่ได้ นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้คุณรู้สึกแย่ ตอนนี้ขาของผมยังแข็งแกร่ง และหัวใจของผมก็พร้อมสำหรับทุกเกมที่กำลังจะมาถึง"

วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2551

เบนิเตซคุยหงส์แกร่งทั่วแผ่น


ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือจอมโรเตชั่น "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล โวลั่น "เร้ด แมชีน" แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งแบบทั่วทั้งแผ่น หลังจัดการบุกไปสอย ฟูแล่ม 2-0 ทั้งที่พักตัวหลักไว้รอบู๊ แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบตัดเชือก กับ เชลซี หลายรายด้วยกัน
ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า พลพรรค "เร้ด แมชีน" แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในเชิงลึก หลังยังคงสามารถบุกไปเชือด ฟูแล่ม ลงได้สำเร็จ 2-0 ในเกม พรีเมียร์ลีก ที่สนามคราเวน ค็อตเทจ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แม้จะพักผู้เล่นตัวหลักเอาไว้หลายรายก็ตาม
ฤดูกาลที่แล้ว ลิเวอร์พูล สร้างความขุ่นเคืองให้ผู้จัดการทีมหลายคนใน พรีเมียร์ลีก โดยเฉพาะบรรดากุนซือของทีมในกลุ่มลุ้นหนีตาย เมื่อพวกเขาจัดทีมชุด 2 บุกไปเยือน ฟูแล่ม เนื่องจากต้องการเก็บผู้เล่นตัวหลักไว้ลงบู๊ใน แชมเปี้ยนส์ ลีก และกลับออกมาพร้อมความปราชัย 0-1
ซีซั่นนี้ ทีมของราฟาเอล เบนิเตซ ทำแบบเดียวกันอีกครั้งในการบุกมาเยือน "เจ้าสัวน้อย" ก่อนหน้าการลงฟาดแข้งกับ เชลซี ในรอบตัดเชือก ฟุตบอลถ้วยใบใหญ่ของยุโรป ในวันอังคาร โดยเปลี่ยนผู้เล่นจากชุดที่ชนะ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 3-1 เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ก่อนถึง 8 ราย แต่ที่แตกต่างกันก็คือพวกเขาสามารถคว้าชัยชนะกลับออกมาได้จากการทำประตูของ เจอร์เมน เพนแนนท์ และปีเตอร์ เคร้าช์
เบนิเตซ กล่าวว่า "เมื่อคุณมีเกมให้เล่นถึง 38 นัด คุณก็มีอะไรที่ต้องทำเพื่อตัวเองมากมาย ทุกคนจำเป็นต้องมีสมาธิอยู่กับทีมของตัวเอง ผมไม่รู้ว่า ทีมอื่นจัดตัวผู้เล่นอย่างไร ด้วยเหตุนี้ ผมจึงพยายามจะเอาชนะด้วยทีมของผม ทีมของเราเล่นดี และเราก็เป็นฝ่ายชนะ"
"วันนี้เราใช้ผู้เล่นที่จำเป็นต้องพิสูจน์คุณภาพของตัวเอง นั่นเป็นเหตุผลที่ผมพอใจกับฟอร์มการเล่นของทีมเรามาก ๆ ปีนี้เรามีขุมกำลังนักเตะที่ดีขึ้น และคุณก็เห็นกันไปแล้วในวันนี้ว่า เรามีคุณภาพมากพอ ถ้าคุณต้องการจะสู้เพื่อถ้วยรางวัลคุณก็ต้องใช้ขุมกำลังผู้เล่นที่มีอยู่" ยอดกุนซือชาวสแปนิช กล่าวในที่สุด

วันเสาร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2551

อังเดร โวโรนิน



นับตั้งแต่ที่ย้ายจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น มาเล่นในถิ่น แอนฟิลด์ อังเดร โวโรนิน หัวหอกผมสลวย ก็ไม่ค่อยได้ลงสนามบ่อยครั้งนัก เนื่องจากกองหน้าคนสำคัญอย่าง เฟร์นานโด ตอร์เรส หัวหอกทีมชาติสเปน และ เดิร์ค เค้าท์ ดาวยิงเลือดดัตช์ จับจองตำแหน่งกองหน้าเอาไว้หมดแล้ว แต่ก็ใช่ว่า โวโรนิน จะรู้สึกย่อท้อ เนื่องจากนี่เป็นแค่ฤดูกาลแรกของเขาในลีกเมืองผู้ดีเท่านั้น ฉะนั้นในอนาคตข้างหน้าตำแหน่งดาวยิงเบอร์ 1 ยังคงไม่ไกลเกินฝัน เพราะตอนนี้สภาพร่างกาย และจิตใจของเขาพร้อมเต็มที่แล้ว และในฤดูกาลหน้า เขาจะขอมาทวงความเป็นสุดยอดดาวยิงในสีเสื้อ "เดอะ เร้ดส์" ได้อย่างแน่นอน
ฉะนั้นวันนี้เรามาจับเข่าคุยกับ โวโรนิน ถึงเรื่องราวต่างของเขากับบรรยากาศใหม่ๆ ในประเทศอังกฤษ ซึ่งแตกต่างจาก เยอรมัน สถานที่ที่เขาใช้เวลาค้าแข้งนานกว่า 12 ปี
ตลอด 2-3 เดือนที่ผ่านมามันคงเป็นเรื่องที่แสนยากลำบากของคุณกับอาการบาดเจ็บข้อเท้า คุณรู้สึกมีความสุขมากแค่ไหนกับการได้กลับมาลงสนามอีกครั้ง ?
อังเดร โวโรนิน : แน่นอน มันเป็นเรื่องยากลำบาก เพราะมาได้รับบาดเจ็บในช่วงเวลาที่เลวร้าย ผมได้แต่ซ้อมอย่างเดียวตลอด 3 เดือนโดยไม่ได้ลงเล่น แต่ขอบคุณพระเจ้า ทุกสิ่งที่อย่างในตอนนี้มันโอเคแล้ว ผมได้ลงเล่นเป็นตัวสำรอง 2-3 ครั้งแล้ว และมันจะมีมาเรื่อยๆ ผมหวังจะเป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดใหญ่ให้เร็วที่สุด
สภาพความฟิตของคุณเป็นยังไงบ้าง ?
อังเดร โวโรนิน : มันดีมาก มันดีขึ้นทุกวัน แน่นอนผมอยากลงเล่น เพราะผมไม่ได้เล่นมานานมากแล้ว
คุณเชื่อมั่นที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมในการเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก และ พรีเมียร์ลีก ไหม ?
อังเดร โวโรนิน : ผมฟิต 100 เปอร์เซ็นต์ แน่นอนผมสามารถช่วยทีมได้ ผมรู้ว่ามันเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบาก และเราต้องพบกับเกมที่หนักหนาสาหัสรออยู่ข้างหน้า แต่ผมก็พร้อมที่จะทุ่มเทสุดกำลัง
ตอนนี้ต้องพบกับ เชลซี ในรอบรองชนะเลิศ พวกเขาแข็งแกร่งกว่า อาร์เซน่อล หรือเปล่า ?
อังเดร โวโรนิน : ถ้าพูดกันตามมุมมองส่วนตัว อาร์เซน่อล เล่นได้ดีกว่า แม้ เชลซี จะเป็นเล่นได้คงเส้นคงวามากใน พรีเมียร์ลีก แต่ อาร์เซน่อล อันตรายมากกว่า แต่ เชลซี มีกองหน้าที่สุดยอดหลายคนด้วย ผมคิดว่ามันเป็นเกมที่น่าสนใจทีเดียว เชลซี เป็นทีมชั้นยอดแต่พวกเขาจะต้องให้ความเคารพในตัวเรา
เกมนี้จะเป็นการนำ อังเดร โวโรนิน ดวลกับ อังเดร เชฟเชนโก้ ด้วย
อังเดร โวโรนิน : (หัวเราะ) ใช่ บางทีจากซุ้มม้านั่งสำรองน่ะ ! แต่ถ้าพูดแบบจริงๆ จังๆ มันคงเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมทีเดียว ผมเคยดวลกับเขาในเกมฟุตบอลถ้วยตอนนั้น เชลซี ชนะ 2-0 มันดีทีเดียวที่ได้แก้มือกับเขา เขาโทรมาหาผมเมื่อวานเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเกม แต่ผมไม่มีเวลาพูดกับเขามากนัก เราคุยกับทางโทรศัพท์บ่อยๆ และผมมั่นใจเราจะหยอกล้อกันมากกว่านี้ก่อนเกมนี้จะเริ่มขึ้น
การเผชิญหน้ากับ เชลซี มาแล้ว 2 ครั้งในรายการนี้ ทำให้ทีมได้เปรียบเรื่องภาพจิตใจหรือเปล่า ?
อังเดร โวโรนิน : ผมคิดว่า เชลซี คงจะจำทั้ง 2 เกมได้ดี เมื่อ ลิเวอร์พูล เขี่ยพวกเขาตกรอบรองชนะเลิศ ผมคิดว่านี่คงจะหมายความว่าเราต้องรับมือกับเกมที่สุดแสนตึงเครียด ผมเฝ้ารอที่จะให้ถึงเกมนี้จริงๆ และหวังว่าเราจะคว้าชัยชนะได้ โดยเฉพาะกับการได้เดินทางไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศที่ มอสโก
คุณคิดเกี่ยวกับการเล่นในรอบชิงชนะเลิศ และการไปอยู่ใน รัสเซีย ไหม ?
อังเดร โวโรนิน : เราต้องคิดเกียวกับเกมพบ เชลซี เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดอันดับแรก แต่ผมจะไปที่ มอสโก ก่อน มันเป็นเมืองที่ใหญ่ และสวยงามซึ่งมีอัฒจันทร์ที่สุดยอดมาก บรรยากาศคงจะสุดแสนมหัศจรรย์หากใครก็ตามได้ไปที่นั่น แต่เหมือนอย่างที่ผมพูด เราต้องไม่คิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้น เพราะ เชลซี เป็นทีมที่น่ากลัวจริงๆ
คุณถูกขอตั๋วไหมถ้าทีมได้ทะลุเขาไปเล่นในชิง ?
อังเดร โวโรนิน : ใช่ ผู้คนถามผมเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว แต่หนทางในนัดชิงยังอีกยาวไกล เราจะต้องทำผลงานให้ดีที่สุดเพื่อได้ไปที่นั่น
มีการวิจารณ์ทางหน้าหนังสือพิมพ์ว่าคุณไม่มีความสุขที่ อังกฤษ คุณอธิบายความหมายที่คุณสื่อออกมาได้ไหม ?
อังเดร โวโรนิน : ผมใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ผมไม่เคยพูดว่าผมไม่ชอบที่นี่ เมื่อครั้งแรกที่ผมเดินทางมาถึง ผมพบว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะผมเคยอยู่ใน เยอรมัน มา 12 ปี ผมไม่รู้ภาษาอังกฤษ แต่ผมค่อยๆ ปรับตัวทีละนิด ภรรยาของผมคลอดลูกที่นี่ และขอบคุณพระเจ้า ทุกสิ่งทุกอย่างมันโอเค ดังนั้น ผมคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตที่นี่มากยิ่งขึ้น
คุณกำลังพูดว่ามีการแปลความหมายผิดใช่ไหม ?
อังเดร โวโรนิน : ผมว่ามันเป็นความเข้าใจผิด หรือไม่ก็เจตนาที่จะอ้างอิงคำพูดแบบผิดๆ
ตอนนี้ครอบครัวคุณปรับตัวได้หรือยัง ?
อังเดร โวโรนิน : เรารู้สึกดีมากกว่าช่วง 6-7 เดือนก่อน เมื่อเรามีเวลาได้เดินทางเข้าไปในเมือง ภรรยาของผมชอบใช้เวลาไปกับการชอปปิ้งในเมือง เราชอบฟัง และไม่ค่อยมีปัญหามากนักกับการใช้ชีวิตใน อังกฤษ หรือในเมือง เว้นแต่สภาพอากาศน่ะ!
คุณได้มีการติดต่อกับแฟนบอล และทำอะไรกับพวกเขาบ้าง ?
อังเดร โวโรนิน : แฟนบอลลิเวอร์พูล สุดยอดที่สุด และน่าหลงใหลมากที่สุดในโลก ก่อนที่ผมจะย้ายมาทีนี่ผมรู้เรื่องเกี่ยวกับพวกเขา ตอนนี้ผมสามารถเล่นต่อหน้าพวกเขา และผมก็รักพวกเขามาก เราได้รับการสนับสนุนอย่างน่ามหัศจรรย์ ผมเคยเล่นในสนามมามากมาย และไม่เคยมีปัญหากับแฟนบอล แต่ผมไม่เคยรู้สึกได้ติดต่ออย่างใกล้ชิดระหว่างนักเตะกับแฟนบอลเหมือนกับที่เราได้อยู่ที่ ลิเวอร์พูล เลยจริงๆ
มีข่าวว่าคุณไม่เข้าใจสำเนียงของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด และ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ?
อังเดร โวโรนิน : (หัวเราะ) สตีเว่น และ คาร์ร่า เป็น ลิเวอร์พูลพัดเลี่ยน แน่นอน ผมพบความยากลำบากที่จะเข้าใจการออกเสียงของ พวกสเกาเซอร์ แต่นั่นเป็นเรื่องปกติที่ผมคิดนะ สำหรับผมมันง่ายมากกับการเข้าใจคนสแปนิชพูด เพราะพวกเขาพูดช้า ภาษาอังกฤษของผมพัฒนาขึ้นมานิดหน่อย และตอนนี้ผมสามารถสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีม และโค้ชได้ดีขั้น ผมหวังว่าผมจะเริ่มพูดสำเนียงสเกาเซอร์ได้ในเร็ววันนี้
คุณประเมินฤดูกาลแรกในลีกอังกฤษหน่อยสิ ?
อังเดร โวโรนิน : ผมคิดว่าผมเริ่มต้นได้ไม่เลวนัก ผมเล่นได้ลงเล่นหลายเกม และยิงได้ 2-3 ประตู แน่นอนอาการบาดเจ็บมันทำให้ทุกอย่างแย่ลง เพราะที่นี่มีนักเตะฝีเท้าชั้นนำมากมาย มันย่อมต้องมีการแข่งขัน ดังนั้น มันเป็นเรื่องยากลำบากที่จะกลับมาร่วมทีมหลังจากได้รับบาดเจ็บ ผมทำผลงานได้ดี และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผมจะสามารถช่วยทีมได้ในซีซั่นนี้ ผมคิดว่าผมยังคงมีโอกาสมากมายที่จะได้โชว์ผลงานให้กับแฟนบอลได้เห็น
คุณมองเห็นอนาคตของคุณในถิ่นแอนฟิลด์หรือเปล่า ?
อังเดร โวโรนิน : ผมไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งนั้นที่นี่ ผมอยากอยู่กับทีมต่อไป ถ้าผมมีปัญหา ผมรู้ว่าผมสามารถจัดการมันได้ ผมหวังว่าอนาคตของผมจะอยู่ที่ ลิเวอร์พูล ต่อไป
ต้อมพลิ้ว

ราฟาไม่สนบอร์ดตีกันเองชมลูกทีมยอดมืออาชีพ


ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือ ลิเวอร์พูล ปิดปากเงียบไม่ขอพูดถึงเรื่องความขัดแย้งในสโมสร ชี้ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือคว้าอันดับ 4 และเตรียมพร้อมเจอกับ ฟูแล่ม สุดสัปดาห์นี้ พร้อมออกปากชมนักเตะ "หงส์แดง" ทุกคนเป็นมืออาชีพ หลังไม่ยอมปล่อยให้เรื่องราวในสโมสรมาส่งผลต่อฟอร์มการเล่น
ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก ออกมากล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ 18 เมษายน ที่ผ่านมา ว่า เขาไม่ต้องการพูดถึงเรื่องความขัดแย้งภายในสโมสร แต่ต้องการที่จะนำต้นสังกัดคว้าอันดับ 4 เพื่อไปเล่นศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้าให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด
สโมสร ลิเวอร์พูล มีข่าวในแง่ลบออกมาตลอดในช่วงสัปดาห์นี้ จากปัญหาความขัดแย้งกันระหว่าง ทอม ฮิคส์ และ จอร์จ ยิลเล็ตต์ 2 เจ้าของชาวอเมริกัน รวมทั้ง ริค แพร์รี่ ประธานบริหาร และตัว เบนิเตซ เองด้วย อย่างไรก็ตาม ล่าสุดกุนซือชาวสแปนิชออกมายืนยันว่าเขาจะไม่ขอพูดถึงเรื่องวิกฤติภายในทีมอีกแล้ว และต้องการมุ่งมั่นกับการนำทีมคว้าอันดับ 4 ให้สำเร็จเท่านั้น
ปัจจุบัน ลิเวอร์พูล มี 66 คะแนนจาก 34 นัด นำห่าง เอฟเวอร์ตัน ทีมอันดับ 5 อยู่ 5 คะแนน และลงเล่นน้อยกว่า 1 นัด หาก "หงส์แดง" บุกชนะ ฟูแล่ม ในเกมวันเสาร์นี้ จะทำให้พวกเขาหนีห่างคู่ปรับร่วมเมืองเป็น 8 คะแนน ทำให้มีโอกาสสูงที่จะการันตีพื้นที่แชมเปี้ยนส์ ลีก สำหรับฤดูกาลหน้า
"ผมกำลังเตรียมพร้อมสำหรับเกมกับ ฟูแล่ม ผมไม่อยากพูดถึงเรื่องพวกเขา (ฮิคส์ และ ยิลเล็ตต์) ผมต้องคุยกับสตาฟฟ์และนักเตะของผม ดังนั้น เราจึงฝึกซ้อมและพูดเกี่ยวกับ ฟูแล่ม เรามีการเตรียมความพร้อมที่ดี ฟูแล่ม เป็นทีมเล่นด้วยได้ยาก เพราะพวกเขาสู้เพื่ออยู่รอด ถ้าคุณถามว่าผมจะใช้ชุดที่ดีที่สุดหรือเปล่า? ผมจะทำเหมือนเกมเจอกับ อาร์เซน่อล เราจะพยายามคว้าชัยชนะ เพราะเราต้องการการันตีอันดับ 4" เบนิเตซ กล่าว
อย่างไรก็ตาม เบนิเตซ ก็มีปัญหาผู้เล่นได้รับบาดเจ็บ ซึ่งรวมถึง สตีเว่น เจอร์ราร์ด ยอดมิดฟิลด์กัปตันทีม ซึ่งมีปัญหาเล็กน้อยในระหว่างการฝึกซ้อมเมื่อวันศุกร์ และอาจชวดลงฟาดแข้งกับ ฟูแล่ม
"สิ่งที่ผมคิดคือการส่งทีมลงไปคว้าชัยชนะ ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ และ แฮร์รี่ คีเวลล์ จะไม่ได้เล่น และเราจะต้องเช็ก เจอร์ราร์ด กับ อัลบาโร่ อาร์เบลัว ด้วย เจอร์ราร์ด มีปัญหาที่คอ ในการซ้อมเมื่อวานนี้เขาโหม่ง 3 ประตู และล่าสุดเขาก็มีปัญหา" กุนซือชาวสแปนิช กล่าว
นอกจากนี้ เบนิเตซ ยังได้ออกมากล่าวชื่นชมนักเตะทุกคนที่รับมือได้เป็นอย่างดีในขณะที่สโมสรประสบปัญหาผู้บริหารมีความขัดแย้งกัน และเขาก็ยืนยันว่าเรื่องราวน้ำเน่าเหล่านี้ไม่ส่งผลกระทบต่อการทำหน้าที่ในถิ่นแอนฟิลด์
"นักเตะแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง พวกเขามุ่งมั่นและมีสมาธิกับเกม นั่นคือสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จของเรา ตอนนี้ผมเหลือสัญญาอีก 2 ปี และผมก็มีความสุข ผมต้องการอยู่ต่อไป" กุนซือ "หงส์แดง" กล่าว

แฟนหงส์แดงสะดุ้งเฮือกแบงค์จี้ขายตอร์เรสใช้หนี้


ลิเวอร์พูล ยังเจอเรื่องยุ่งไม่เลิก ล่าสุดแฟน "เดอะ ค็อป" ต้องสะดุ้งกับข่าวที่สโมสรอาจต้องเสียทั้ง เฟร์นานโด ตอร์เรส และ ไรอัน บาเบล สองดาวเตะที่ย้ายมาใหม่เมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว หากไม่สามารถชำระหนี้ พร้อมดอกเบี้ยรวม 2 พันล้านบาท ในอีกปีเศษข้างหน้า
"เดอะ ไทม์ส" หนังสือพิมพ์รายวันอังกฤษ ออกมาแฉเรื่องยุ่งๆ ภายในถิ่น แอนฟิลด์ ของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทีมยักษ์ใหญ่ใน พรีเมียร์ลีก อีกครั้ง ระบุไปทำข้อตกลงกับธนาคารที่ไปกู้เงิน ว่ามีอำนาจสามารถสั่งการหรือบีบให้สโมสรต้องยินยอมขายทิ้ง เฟร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงทีมชาติสเปน และ ไรอัน บาเบล ปีกทีมชาติฮอลแลนด์ หากไม่สามารถชำระหนี้ที่ติดค้างอยู่ 31.5 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 2 พันล้านบาท ในอีกปีเศษข้างหน้า
ลิเวอร์พูล นั้นเคยกู้เงินธนาคาร เพื่อนำไปซื้อ ตอร์เรส จาก แอตเลติโก มาดริด ซัมเมอร์ที่แล้ว และเพิ่งเข้าโครงการรีไฟแนนซ์ใหม่ เมื่อวันที่ 25 มกราคม เวลาเดียวกับที่พวกเขาได้เงินกู้ก้อนใหม่ 350 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท สำหรับโครงการก่อสร้างสนามแห่งใหม่
สำหรับข้อสัญญารีไฟแนนซ์ที่กู้เงินไปซื้อนักเตะ เป็นข้อตกลงกู้เงินในระยะเวลา 18 เดือน พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 9 ซึ่ง ลิเวอร์พูล มีเวลาถึงประมาณกลางปีหน้า ที่ต้องชำระทั้งหมด หรือไม่เช่นนั้นแล้ว เจ้าหนี้ธนาคารมีอำนาจบังคับขาย ตอร์เรส และ บาเบล เพื่อนำเงินมาชดใช้แทน

วันเสาร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2551

ตอร์เรสรักสาวกเดอะค็อปหมดใจ


เฟร์นานโด ตอร์เรส หัวหอกฟอร์มฮอตของ ลิเวอร์พูล กล่าวยกย่องกองเชียร์ "เดอะ ค็อป" ที่มีส่วนสำคัญทำให้เขายิงกระจุยในซีซั่นแรก ยอมรับสุดภูมิใจที่แฟนบอลแต่งเพลง เชียร์มอบให้กับเขา
เฟร์นานโด ตอร์เรส กองหน้าทีมชาติสเปนของ ลิเวอร์พูล มหาอำนาจลูกหนังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก ออกมากล่าวสรรเสริญบรรดาสาวก "เดอะ ค็อป" ที่มีอิทธิพลอย่างมาก จนทำให้เขา สามารถระเบิดฟอร์มสุดยอดยิงกระจุยในฤดูกาลแรกที่ย้ายมาเล่นในถิ่นแอนฟิลด์
หัวหอกเจ้าของเสื้อหมายเลข 9 เผยว่าเขาชอบที่จะยิงประตูต่อหน้าแฟนบอล "หงส์แดง" และยอมรับว่าประตูสุดสวยที่ทำได้ในเกมชนะ อาร์เซน่อล 4-2 ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัด 2 จะทำให้เขาจดจำอย่างไม่มีวันลืมเลือน "ผมไม่รู้ว่าอะไรทำให้ประตูนี้มันความพิเศษ แต่ช่วงเวลานี้ผมยิงประตูได้ต่อหน้าอัฒจันทร์ฝั่งเดอะ ค็อป อัฒจันทร์นี้มันทั้งสูงและเต็มไปด้วยความประทับใจ ผมคิดว่าการยิงประตูครึ่งหนึ่ง ของผมเกิดขึ้นที่นี่"
"ผมหวังว่าผมจะสามารถยิงประตูสำคัญๆ ได้อย่างต่อเนื่องที่นั่น มันน่าประทับใจมากแค่ไหนที่มีผู้คนมากมายให้ความเคารพในตัวคุณ พวกเขาอยากเห็นคุณลงเล่นทุกเกม ดังนั้นมัน ทำให้คุณต้องพยายามพิสูจน์ตัวเองในสนามตลอดเวลา"
"สำหรับผมแล้วมันเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจมาก ที่ในช่วงเวลาไม่นานแฟนบอลก็แต่งเพลงให้กับผม และพวกเขาก็ร้องเพลงนั้นยามที่ผมลงเล่นเกือบทุกเกม มันเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับ นักฟุตบอล ที่แฟนบอลยอมรับคุณเป็นพวกเดียวกับพวกเขา" อดีตดาวเตะ แอตเลติโก มาดริด กล่าวว่า

หงส์ป่วน!แพร์รี่ตอกฮิคส์คือตัวบ่อนทำลายสโมสร


ริค แพร์รี่ ซีอีโอ ลิเวอร์พูล ตอกกลับ ทอม ฮิคส์ เจ้าของร่วม "หงส์แดง" บ่อนทำลายสโมสรชัดๆ หลังเจ้าสัวลุงแซมส่งจดหมายเรียกร้องให้เจ้าตัวลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ชี้ไม่ควรทำให้ทีมไขว้เขวก่อนลงทำศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบตัดเชือก พร้อมระบุปัญหาเกาเหลาของ 2 ดูโอมะกันควรถูกสะสางโดยเร็ว หลังตั้งท่าทะเลาะกันไม่เลิกเสียที
ริค แพร์รี่ ประธานบริหารของ ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก ออกมาชี้ว่า การที่ ทอม ฮิคส์ เศรษฐีอเมริกัน เจ้าของร่วมสโมสร "หงส์แดง" ส่งจดหมายความยาว 3 หน้ากระดาษมาให้ เพื่อเรียกร้องให้ตนลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น เป็นการกระทำที่ถือเป็นการบ่อนทำลายสโมสร จากรายงานข่าวเมื่อวันศุกร์ที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา
มีการคาดหมายว่า มหาเศรษฐีจากแดนลุงแซม ไม่พอใจที่ แพร์รี่ เลือกที่จะอยู่ข้างเดียวกับ จอร์จ ยิลเล็ตต์ เจ้าของร่วมอีกคนหนึ่งของสโมสร หลังหุ้นส่วนมะกันทั้ง 2 คนเริ่มมีปัญหาขัดแย้งกันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้ง ฮิคส์ ยังเชื่อว่า ซีอีโอ "หงส์แดง" ล้มเหลวในการคว้าตัวนักเตะเข้าสู่ทีมตามที่ ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีมต้องการ และหารายได้เข้าสู่สโมสรได้ไม่มากเท่าที่ควร
อย่างไรก็ตาม แพร์รี่ ก็ออกมาตอบโต้ว่า ฮิคส์ ไม่ควรทำให้สมาธิของทีมต้องไขว้เขวก่อนจะลงทำศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ โดยกล่าวกับ "สกาย สปอร์ตส์ นิวส์" สำนักข่าวกีฬาชื่อดังแดนผู้ดีว่า "ในสัปดาห์นี้มันไม่ควรมีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้น เรื่องที่สำคัญควรเป็นเรื่องของทีม มันสร้างความเสียหายให้พวกนักเตะ, ผู้จัดการทีม และแฟนบอล ในสัปดาห์ที่เราคว้าชัยชนะอันยอดเยี่ยมได้ในเกมยุโรป และมันก็มีเรื่องที่จะต้องสะสางกันเพิ่มขึ้น"
"ผมยังไม่เห็นจดหมายฉบับดังกล่าว และพวกคุณก็คงรู้เกี่ยวกับจดหมายฉบับนั้นดีกว่าผมอยู่แล้ว ครอบครัวของผมเห็นมันในโทรทัศน์ช่องสกาย สปอร์ตส์ ดังนั้นพวกเขาจึงยินดีมากเลยทีเดียว" บิ๊กบริหาร "หงส์แดง" กล่าว
นอกจากนี้ แพร์รี่ ยังยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนมากขึ้นว่าปัญหาความไม่แน่นอนในตำแหน่งเจ้าของสโมสรนั้นจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขในทันที หลัง ฮิคส์ ต้องการซื้อหุ้นทั้งหมดของ ยิลเล็ตต์ แต่ทั้งคู่ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ ส่งผลให้การพิจารณาข้อเสนอขอซื้อกิจการสโมสรของกลุ่มลงทุนจาก ดูไบ ต้องพลอยหยุดชะงักไปด้วย
"ไม่มีใครที่ใหญ่ไปกว่าสโมสร มันไม่ใช่ผมแน่นอน สโมสรน่าจะดำเนินไปด้วยดี แต่นี่ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงการขาดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของผู้บริหาร ผมก็แค่ทำงานของผมไปเรื่อยๆ" แพร์รี่ กล่าวในที่สุด

ลือหงส์สนทุ่ม756ล้าน คว้าตัวลาห์มจากพี่เสือ


สื่ออังกฤษประโคมข่าว ฟิลิปป์ ลาห์ม แบ็กซ้ายจอมบุกของ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค มีลุ้นเก็บกระเป๋าย้ายมาค้าแข้งในลีกผู้ดี ในฤดูกาลหน้า หลังมีข่าวตกเป็นเป้าสนใจของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ที่พร้อมจ่ายสู้ค่าตัวถึง 756 ล้านบาท
สื่ออังกฤษ เปิดเผยว่า สโมสร ลิเวอร์พูล ยักษ์ใหญ่ใน พรีเมียร์ลีก คิดการใหญ่ที่จะล่าตัวฟูลแบ็กระดับโลกเข้ามาเสริมทัพในช่วงปิดฤดูกาล โดยเล็งเป้าหมายไปที่ ฟิลิปป์ ลาห์ม แบ็กซ้ายดีกรีทีมชาติเยอรมันของ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค จ่าฝูงใน บุนเดสลีกา และเตรียมยื่นข้อเสนอซื้อในราคา 12 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 756 ล้านบาท
ลาห์ม วัย 24 ปี ที่แจ้งเกิดตั้งแต่ชุดเยาวชนในถิ่น อัลลิอันซ์ อารีน่า ปัจจุบันเหลือสัญญากับต้นสังกัดถึงแค่ปีหน้า แต่เพิ่งมีข่าวเมื่อต้นเดือนว่า บาเยิร์น พยายามยื่นข้อเสนอให้ต่อสัญญาฉบับใหม่แล้ว ส่วน ลิเวอร์พูล ต้องการเล็งหาแบ็กซ้ายตัวใหม่ เพื่อมาแทนที่ ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ ที่เสียตำแหน่งตัวจริง หลังฟอร์มแผ่ว ขณะที่ อัลบาโร่ อาร์เบลัว ที่ยึดตำแหน่งตัวจริงในเวลานี้ ยังมีผลงานไม่เข้าตานัก

วันศุกร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2551

โวโรนินยันไม่เคยคิดย้ายหนีหงส์แดง


อันเดร โวโรนิน หัวหอกผมสลวย ของ ลิเวอร์พูล ยืนยัน มีความสุขดีในถิ่น แอนฟิลด์ แม้ไม่ได้ลงสนามมากนัก เนื่องจากปัญหาเรื่องความฟิต แต่ล่าสุดหายเจ็บข้อเท้า และกลับมาเป็นกำลังเสริมให้ทีมได้อีกครั้งแล้ว
อังเดร โวโรนิน กองหน้าทีมชาติยูเครน ของ ลิเวอร์พูล ทีมมหาอำนาจลูกหนังแห่งศึก พรีเมียร์ลีก ยอมรับทุกวันนี้มีความสุขดีในถิ่น แอนฟิลด์ แม้ช่วงที่ผ่านมาจะไม่ได้ลงเล่นมากนัก เพราะมีปัญหาอาการบาดเจ็บข้อเท้ารบกวน และเพิ่งฟิตกลับมาได้ไม่นาน
หัวหอกชาวยูเครเนียน ย้ายจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น มาเล่นกับ ลิเวอร์พูล แบบไม่มีค่าตัวในฤดูกาลนี้ หลังใช้ชีวิตค้าแข้งในศึก บุนเดสลีกา เยอรมัน ถึง 12 ปี แต่อนาคตของเขากับยอดทีมแห่งลุ่มแม่น้ำเมอร์ซี่ย์ ดูท่าทางจะมืดมน เพราะไม่สามารถเบียดแย่งตำแหน่งกับ เฟร์นานโด ตอร์เรส กองหน้าฟอร์มฮอตชาวสเปน และ เดิร์ก เค้าท์ หัวหอกชาวดัตช์ ขณะเดียวกันก็มีปัญหาบาดเจ็บรบกวนบ่อยครั้ง
อย่างไรก็ตาม โวโรนิน ยืนยันว่าเขามีความสุขกับ "หงส์แดง" และพร้อมแย่งตำแหน่งตัวจริง หลังตอนนี้หายจากอาการบาดเจ็บข้อเท้าแล้ว "มันเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก เพราะอาการบาดเจ็บมันเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เลวร้าย มันนานกว่า 3 เดือนที่ผมไม่ได้เล่นเลย แต่ขอบคุณพระเจ้า ทุกอย่างตอนนี้ยอดเยี่ยมมาก ผมเป็นตัวสำรอง และได้เล่นบ้าง 2-3 นัดแล้ว ผมหวังจะได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดใหญ่ในเร็วๆ นี้อีกครั้ง" โวโรนิน กล่าว
สำหรับเรื่องสภาพความฟิตของตัวเอง ดาวเตะวัย 28 ปี ยืนยัน ตอนนี้เขาพร้อมเต็มที่ และอยากลงช่วยต้นสังกัดใจแทบขาด "ความฟิตผมดีขึ้นมาก มันดีขึ้นทุกวันๆ แน่นอน ผมต้องการเวลาสำหรับลงเล่น เพราะว่าผมไม่ได้ลงสนามมานาน แต่ผมกำลังจะได้เล่นแล้ว"
นอกจากนี้ โวโรนิน ยังเชื่อมั่นว่าจะสามารถช่วยทีมให้ประสบความสำเร็จในซีซั่นนี้ได้อย่างแน่นอน "ผมมั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ว่า ผมสามารถช่วยทีมได้ ผมรู้ว่ามันเป็นสถานการณ์ที่แสนยากลำบาก และเราก็มีบางเกมที่หนักหนาสาหัสรออยู่ข้างหน้า แต่ผมก็พร้อมที่จะทุ่มเทเต็มที่เพื่อทีม"

มาสเคเซ็งเอฟเอยันโทษแบน3เกม


ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ มิดฟิลด์ตัวเก่ง ลิเวอร์พูล ซ่าไม่ออก เมื่อ เอฟเอ ตัดสินยืนยันคงโทษแบน 3 เกมไว้ตามเดิม ทำให้เจ้าตัวหมดสิทธิ์ลงช่วยทีมในเกมปะทะ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส วันอาทิตย์นี้ ไปอย่างน่าเสียดาย
ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ กองกลางเลือดร้อนของ ลิเวอร์พูล จำต้องก้มหน้ายอมรับโทษแบนจำนวน 3 เกม แต่โดยดี หลังจากสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) ได้บอกปัดการยื่นอุทธรณ์ขอลดโทษของ "หงส์แดง" ไปเรียบร้อยแล้วเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา
เอฟเอ ได้ปฏิเสธที่จะรับฟังคำร้องเรียนของดาวเตะอาร์เจนไตน์ ที่เห็นว่าโทษแบนซึ่งเพิ่มเติมมาในภายหลังอีก 2 เกม เนื่องจากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของตัวเขา ในจังหวะที่ถูกไล่ออกในเกมกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 23 มีนาคมนั้น เป็นการลงโทษที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ
มาสเคราโน่ ถูกห้ามลงเตะ 1 เกม สำหรับโทษ 2 ใบเหลือง เนื่องจากการพยายามเข้าไปเผชิญหน้ากับ สตีฟ เบนเน็ตต์ ผู้ตัดสิน แถมยังถูกเพิ่มโทษเป็นพิเศษอีก 2 เกม ในข้อหามีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม โดยดาวเตะวัย 24 ปี พยายามที่จะประท้วงคำตัดสินของกรรมการอย่างรุนแรง ก่อนที่สุดท้ายเจ้าตัวจะถูก ราฟาเอล เบนิเตซ นายใหญ่ "เดอะ ค็อป" พาตัวออกจากสนามไปในภายหลัง
กองกลางฟ้า-ขาว ชดใช้โทษไปแล้ว 2 เกมด้วยกัน และจะยังคงหมดสิทธิ์ลงเตะช่วยต้นสังกัด ในเกมเปิด แอนฟิลด์ ต้อนรับการมาเยือนของ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ในวันอาทิตย์ที่ 13 เมษายนนี้ อีก 1 เกม

ชาบีชูเจิดช่วยพาหงส์ทะลุตัดเชือกชปล.


ชาบี อลอนโซ่ ห้องเครื่องเลือดกระทิงดุ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ชู สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีมคนเก่ง บอกเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยพา "เร้ด แมชีน" ทะลุเข้าสู่รอบตัดเชือก แชมเปี้ยนส์ ลีก หลังแสดงให้เห็นถึงหัวจิตหัวใจอันแข็งแกร่ง ด้วยการรับหน้าที่สังหารจุดโทษให้ทีมพลิกขึ้นนำ อาร์เซน่อล ในช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตายของเกมรอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2
ชาบี อลอนโซ่ มิดฟิลด์เลือดกระทิงดุ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ออกมากล่าวชม สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีมคนเก่งว่า เป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยพา "เร้ด แมชีน" ทะลุเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 4 ปี
ลิเวอร์พูล เกือบจะต้องยุติเส้นทางในฟุตบอลถ้วยใบใหญ่ของยุโรป ตั้งแต่รอบก่อนรองชนะเลิศ เมื่อปล่อยให้ อาร์เซน่อล ได้ประตูตีเสมอ 2-2 ในนาทีที่ 84 ของเกมนัดที่ 2 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งถ้าการแข่งขันจบลงตรงนั้น "เดอะ กันเนอร์ส" จะเป็นฝ่ายได้ผ่านเข้ารอบต่อไป ตามกฎอเวย์โกล์ทันที
อย่างไรก็ตาม ชะตาของยอดทีมแห่ง แอนฟิลด์ ยังไม่ขาด เมื่อมาได้ลูกจุดโทษในนาทีถัดมา และ เจอร์ราร์ด ก็แสดงให้เห็นถึงสภาพจิตใจอันแข็งแกร่ง ด้วยการส่งบอลผ่านมือ มานูเอล อัลมูเนีย เข้าไปอย่างเยือกเย็น ทำให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำเป็น 3-2 ก่อนที่ ไรอัน บาเบล จะมายิงประตูปิดกล่องให้ทีมของ ราฟาเอล เบนิเตซ เก็บชัยไปอย่างเด็ดขาด 4-2 ในที่สุด
อลอนโซ่ กล่าวว่า "มันเป็นเรื่องสำคัญมากๆ เพราะ อาร์เซน่อล เพิ่งจะยิงประตูได้ และเวลาก็เหลืออยู่ไม่มากแล้วด้วย มันจำเป็นต้องใช้จิตใจที่แข็งแกร่งมากๆ ในการรับหน้าที่นั้น แต่ สตีเว่น ก็รับมัน และยิงประตูเข้าไป พวกเราเชื่อมั่นในตัวเขา เพราะรู้ว่า เขายิงประตูสำคัญๆ ให้เรามาแล้วมากมาย"
"ช่วง 2-3 นาทีสุดท้าย มันมหัศจรรย์มาก และมันก็เป็นเรื่องยอดเยี่ยมสำหรับเรา ที่ได้ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นี่คือครั้งที่ 3 ในรอบ 4 ฤดูกาลแล้ว คุณจะไม่มีทางเบื่อหน่ายกับการลงเล่นในรอบตัดเชือกแน่นอน" ดาวเตะทีมชาติสเปน กล่าวทิ้งท้าย

หงส์แดงเจอมรสุมวงในฮิคส์เรียกร้องแพร์รี่ออก


ลิเวอร์พูล ต้องพบมรสุมวงในอีกครั้ง เมื่อ ทอม ฮิคส์ เจ้าของร่วมสโมสร ต้องการล้างบางศัตรูภายใน โดยเรียกร้องให้ ริค แพร์รี่ หัวหน้าฝ่ายบริหารสูงสุด ลาออกจากตำแหน่ง ทว่าไม่สมหวังง่ายๆ เมื่อ แพร์รี่ หวังพึ่งบารมี จอร์จ ยิลเล็ตต์ เจ้าของร่วมอีกราย เพื่อนั่งเก้าอี้ต่อ พร้อมสวนกลับ ตัวเองไม่ใช่ปัญหา หากแต่วิธีแก้ควรเหลือเจ้าของคนเดียว หรือไม่ก็เปลี่ยนเจ้าของเป็นรายใหม่ไปเลย
สื่ออังกฤษ ออกมาเปิดเผย เมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมาว่า สโมสร "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทีมดังใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยังคงมีปัญหายุ่งเหยิงภายใน โดยล่าสุด เก้าอี้ของ ริค แพร์รี่ หัวหน้าผู้บริหารสโมสร ที่อยู่ในตำแหน่งมายาวนานครบทศวรรษ กำลังเจอเรื่องยุ่ง เมื่อได้รับจดหมายจาก ทอม ฮิคส์ เศรษฐีอเมริกัน และเจ้าของร่วมสโมสร ที่เรียกร้องให้เขาลาออก ในเวลานี้
แพร์รี่ ที่เคยทำงานในองค์กรใหญ่ เป็นผู้บริหารสูงสุดใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก่อนเข้ามารับงานซีอีโอในถิ่นแอนฟิลด์ เมื่อปี 1998 เคยแสดงความยินดีในการเข้ามาเทกโอเวอร์ของ ฮิคส์ และ จอร์จ ยิลเล็ตต์ เมื่อปีที่แล้ว ทว่าภายหลังทั้งคู่เกิดแตกคอ ทำให้ แพร์รี่ ต้องเลือกข้าง และดูเหมือนจะโน้มเอียงไปทางฝ่าย ยิลเล็ตต์ เนื่องจากยินยอมจะทำตามข้อเรียกร้องของแฟนบอล ที่อยากให้ทั้งคู่เทขายหุ้นทิ้งทั้งหมด
แพร์รี่ เริ่มกลายเป็นหอกข้างแคร่ของ ฮิคส์ ที่แสดงความเป็นนักสู้ในทันที และอาศัยอำนาจเจ้าของทีม ส่งจดหมายเรียกร้องให้อีกฝ่ายพิจารณาตัวเอง เมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา หรือเพียง 2 วัน หลังจาก ลิเวอร์พูล เพิ่งประสบความสำเร็จ คว่ำ อาร์เซน่อล และตีตั๋วเข้ารอบตัดเชือก ถ้วยแชมเปี้ยนส์ ลีก กระนั้น แพร์รี่ ประกาศฮึดสู้ และจะไม่ลาออกด้วยตัวเอง โดยหวัง ยิลเล็ตต์ เป็นเกราะกำบัง เนื่องจากต่างฝ่ายต่างถือหุ้นเท่ากัน 50 เปอร์เซ็นต์
"ผมยังคงมีความตั้งใจเดิมที่จะอยู่ในตำแหน่งและรับใช้สโมสร ลิเวอร์พูล อย่างสุดความสามารถของตัวเอง โดยเฉพาะกับช่วงสำคัญของฤดูกาลในเวลานี้" แพร์รี่ ประกาศ หลังมีข่าวได้รับจดหมายบีบให้ลาออก
ส่วนสาเหตุลึกๆ ที่สำนักข่าวอังกฤษ เปิดเผยถึงความพยายามของ ฮิคส์ ในเวลานี้ อาจเป็นเพราะไม่พอใจคำให้สัมภาษณ์ของ แพร์รี่ เมื่อเดือนที่แล้ว ที่กล่าวสนับสนุนให้กลุ่มลงทุน ดูไบ เข้ามาเทกโอเวอร์แทน
แพร์รี่ เคยกล่าวกับสำนักข่าว บีบีซี เกี่ยวกับเรื่องวุ่นวายของสองนายใหญ่ว่า "ความหวังเดียวของเราคือสามารถคลี่คลายปัญหาอย่างรวดเร็วในตอนนี้ มันเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อมานานพอแล้ว และถึงเวลาที่ต้องหาวิธีจัดการแบบเด็ดขาดและให้รวดเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ โดยหากพวกเขาทั้งคู่ยังไม่สามารถคืนดีและร่วมงานเป็นหนึ่ง ทางที่ดีก็ควรมีฝ่ายใดถือหุ้นเป็นเจ้าของเพียงคนเดียวไปเลย หรือไม่งั้นก็ขายทิ้งและออกไปทั้งคู่แทน"

ราฟาคึกจัดมองข้ามสิงห์ เชื่อชิงชปล.หน3ใน4ปีแน่


ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล คึกจัด มองข้ามชอตพาลูกทีมผงาดชิงดำ แชมเปี้ยนส์ ลีก หน 3 "แฮตทริก" ในรอบ 4 ปีซะแล้ว มั่นใจความเก๋าบวกศักยภาพล้นปรี่ออกปานนี้ จะไม่ได้ลุ้นแชมป์ได้ยังไง ขู่ฟ่อ "สิงห์บลูส์" เชลซี หลังเปิดรัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ เตะนัด 2 จบไปแล้ว เดี๋ยวก็รู้...ได้เปรียบจริงหรือเปล่า?!
ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล มองไกลไปถึงการนำทีม "หงส์แดง" ผงาดเข้ารอบชิงชนะเลิศ ศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งที่ 3 ในรอบ 4 ปี เรียบร้อยแล้ว แม้จะต้องเจอคู่ปรับเก่า เชลซี ในรอบรองชนะเลิศฟุตบอลถ้วยใหญ่ยุโรปเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 4 ปีเช่นกันก็ตาม โดยเชื่อว่าทีมของตนซึ่งปราบโคตรทีมทั้ง อินเตอร์ มิลาน และ อาร์เซน่อล มาได้ในรอบก่อนหน้านี้ มีดีพอที่จะตีตั๋วไปเล่นนัดชิงดำที่ ลุซนิกิ สเตเดี้ยม กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ในวันพุธที่ 21 พ.ค.นี้อย่างแน่นอน
กุนซือชาวสเปน กล่าวผ่าน www.liverpoolfc.tv เว็บไซต์ของสโมสร เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา ว่า "เราสมควรที่จะได้เข้ารอบรองชนะเลิศ และเราก็รู้สึกว่าเราน่าจะเข้ารอบชิงชนะเลิศได้อีกครั้ง เราจะได้ไปมอสโกหรือเปล่าน่ะเหรอ? ทำไมจะไปไม่ได้ล่ะ? เราต้องพูดถึงความเป็นไปได้ และเราก็ภูมิใจที่กำลังจะได้เล่นกับทีมที่ดีที่สุดของ ยุโรปในรอบนี้ของการแข่งขัน"
"เราเคยทำอย่างนั้นได้สำเร็จมาก่อนแล้ว แถมคว้าแชมป์มาครองได้อีกต่างหาก และในตอนนี้เรากำลังจะทำอย่างนั้นได้อีกครั้ง ทำไมเราถึงจะเข้ารอบชิงไม่ได้ล่ะ? เรามักจะทำได้ดีที่สุดอยู่เสมอ และเราก็รู้ว่าเราทำได้เพราะเราเคยทำได้มาก่อนน่ะสิ เราเคยได้เล่นนัดชิงแชมป์ที่ดีที่สุดในอิสตันบูลมาแล้ว หลังจากนั้น เราก็เข้าชิงอีกทีที่เอเธนส์ แต่เราก็แพ้ แม้ว่าเราจะเล่นได้ดีกว่าที่อิสตันบูลก็ตาม"
"ตอนนี้เรากำลังขยับเข้าไปใกล้กับจุดนั้นอีกครั้งแล้ว หวังเป็นอย่างยิ่งว่าครั้งนี้จะดีกว่าเก่า เกมกับ อาร์เซน่อล ถือเป็นหนึ่งในค่ำคืนที่ดีสุดในเวทียุโรปตลอดกาลสำหรับสโมสรเลยทีเดียว แต่ก็หวังว่ารอบต่อไปจะยอดเยี่ยมยิ่งกว่านี้ได้อีก ใช่เลยที่ว่าเราทำได้ดีในเวทียุโรป เรามีความคลั่งไคล้, มีศักยภาพ และมีความพยายามอย่างแรงกล้าสำหรับการแข่งขันในระดับนี้"
ส่วนการเผชิญหน้ากับพลพรรค "สิงห์บลูส์" ทั้ง 2 นัด ในวันอังคารที่ 22 และวันพุธที่ 30 เม.ย.นี้นั้น นายใหญ่ "หงส์แดง" กล่าวว่า "ทุกๆ คนรู้ดีว่ามันยากลำบากมากแค่ไหนในการเล่นกับ เชลซี ตลอดจนความยอดเยี่ยมที่พวกเขามีอยู่ มันยากที่จะต่อกรกับพวกเขาในอดีตที่ผ่านๆ มา และเราก็รู้ดีว่ามันจะเป็นงานที่ยากลำบากอีกครั้ง เพราะพวกเขามีนักเตะฝีเท้าดีอยู่เต็มทีม"
"ผมรู้ว่าครั้งนี้พวกเขาได้เล่นนัด 2 ในบ้าน แต่เกมแบบนี้ย่อมเป็นอะไรที่ยากลำบากทั้งนั้นนั่นแหละสำหรับทั้งสองฝ่าย การได้เล่นในบ้านไม่ได้หมายความว่าจะได้เปรียบมากมายเสมอไป แต่ผมจะบอกพวกคุณเองหลังจากนั้นว่าครั้งนี้มันจะเป็นความได้เปรียบสำหรับ เชลซี หรือเปล่า!" เบนิเตซ ทิ้งท้าย

วันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2551

บาเบลยันหงส์ไม่เคยกลัวสิงห์


ไรอัน บาเบล ปีกทีมชาติฮอลแลนด์ของ ลิเวอร์พูล ยอมรับตอนนี้แทบจะรอลงสนามดวลกับ เชลซี ในรอบตัดเชือก แชมเปี้ยนส์ ลีก ไม่ไหวแล้ว พร้อมยืนยันเพื่อนร่วมทีมไม่เคยรู้สึกหวาดหวั่นทีมดังแห่งกรุงลอนดอนเลยสักนิด
ไรอัน บาเบล ปีกตัวเก่ง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก ออกมาเผยว่า เขาไม่รู้สึกหวาดกลัว "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ แม้แต่นิดเดียว ยอมรับแทบจะรอลงสนามเผชิญหน้ากับพวกเขาไม่ไหวแล้ว
ดาวเตะเจ้าของเสื้อหมายเลข 19 เตรียมจะได้ลงเล่นเกมรอบตัดเชือก แชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งแรกในชีวิต โดยเขาออกมากล่าวว่าตอนนี้กระหายที่จะลงสนามใจแทบขาดแล้ว "มันคงจะเป็นเกมที่ยิ่งใหญ่มาก ผมเคยดูเกมระหว่าง ลิเวอร์พูล พบกับ เชลซี ในรอบรองชนะเลิศทางโทรทัศน์ พวกเขาต้องพบกับเกมที่หนักเพราะทั้ง 2 ทีมสูสีกันมาก"
"เราเป็น 2 ทีมยักษใหญ่ ดังนั้นเราทั้ง 2 สโมสรกำลังมองไปถึงการผ่านเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศ มันคงจะเป็นเกมที่ยากลำบากมาก แต่เราไม่ได้รู้สึกกลัวทีมไหนทั้งนั้น และนี่แหละทำไมผมถึงเซ็นสัญญากับ ลิเวอร์พูล ผมอยากเล่นให้กับทีมที่สามารถก้าวไปได้ไกลในแชมเปี้ยนส์ ลีก และบางทีอาจจะคว้าแชมป์รายการนี้ ลิเวอร์พูล เคยทำสำเร็จมาแล้วหลายครั้ง"
พร้อมกันนี้ อดีตดาวเตะอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ยอมรับว่าเขามีความสุขมากที่ช่วยเรียกจุดโทษ และยิง 1 ประตูให้ "หงส์แดง" ชนะ อาร์เซน่อล 4-2 ในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีม นัด 2 "เขา (ราฟาเอล เบนิเตซ) บอกกับผมว่าเราต้องการเติมความดุดันในเกมรุก ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่เขาจะพูดกับผมแบบนั้น เมื่อผมกำลังถูกเปลี่ยนตัวลงสนาม มันไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ แต่เมื่อ อาร์เซน่อล ตามตีเสมอ 2-2 ผมรู้ว่าเรามีเวลาไม่มากนักเพื่อที่จะพยายามสู้ และบุกทำประตูที่ 3 มันเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ในอาชีพของผม มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ"

วันพุธที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2551

ตอร์เรสชี้ชัยชนะเหนือปืนใหญ่สุดพิเศษ


เฟร์นานโด ตอร์เรส ยอดกองหน้า ลิเวอร์พูล เผยชัยชนะเหนือ อาร์เซน่อล 4-2 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อวันอังคาร เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในอาชีพการค้าแข้งเลยทีเดียว ชี้เป็นเรื่องเยี่ยมที่ยิงประตูได้มากมายในการเจอกับยอดทีม และทั้งหมดก็มาจากการทำงานอย่างหนักของทุกคน
เฟร์นานโด ตอร์เรส ยอดหัวหอก "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก ออกมากล่าวเมื่อวันพุธที่ 9 เมษายน ที่ผ่านมา ว่า การเอาชนะ "ไอ้ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล 4-2 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดที่ 2 ที่สนามแอนฟิลด์ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในอาชีพการค้าแข้งของเขาเลยทีเดียว
ตอร์เรส โชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจ และช่วยยิง 1 ประตูให้ ลิเวอร์พูล ตีตั๋วเข้าสู่รอบรองชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยประตูรวม 2 นัด 5-3 และล่าสุดหัวหอกทีมชาติสเปน ซึ่งทำไปแล้ว 29 ประตูในฤดูกาลนี้ ก็ได้ออกมาเผยว่าเขารู้สึกทึ่งกับบรรยากาศที่ยอดเยี่ยมในแอนฟิลด์ และเชื่อว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการค้าแข้งเลยทีเดียว
"มันพิเศษสำหรับเราทุกคน เนื่องจากการทำงานอย่างหนักของเรา การยิงได้ถึง 4 ประตูในการเจอกับทีมชั้นยอดเป็นความสำเร็จที่ดีสำหรับเราและเราต่างก็ภาคภูมิใจ มันเป็นค่ำคืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอาชีพการค้าแข้งของผม และผมก็ย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล เพื่อค่ำคืนแบบนี้" ตอร์เรส กล่าว

สตีวี่จียกหงส์ฟอร์มเทพหลังคว่ำปืนลิ่ว4ทีมชปล


สตีเว่น เจอร์ราร์ด ห้องเครื่องของทัพ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ออกมายกย่องฟอร์มการเล่นของเพื่อนร่วมทีมหลังจากรังแอนฟิลด์ถล่ม "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล 4-2 ในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีม นัด 2 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เข้าสู่รอบตัดเชือกด้วยสกอร์รวม 5-3
สตีเว่น เจอร์ราร์ด กองกลางกัปตันทีมของ ลิเวอร์พูล ยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก ออกมากล่าวอย่างมีความสุขหลังช่วยทีมชนะ อาร์เซน่อล 4-2 เกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัด 2 ที่แอนฟิลด์ เมื่อวันอังคารที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา รวมผล 2 นัดชนะ 5-3 ผ่านเข้าไปเล่นในรองรอบชนะเลิศพบ เชลซี เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 4 ปี
เจอร์ราร์ด ที่รับหน้าที่สังหารจุดโทษในช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตายช่วยให้ทัพ "หงส์แดง" พลิกกลับขึ้นมานำ 3-2 ในนาทีที่ 86 กล่าวว่า "เป็นค่ำคืนของเกมยุโรปที่ต้องจดจำอีกครั้ง อาร์เซน่อล เป็นทีมที่ยอดเยี่ยม และทุกครั้งที่พวกเขาตัดเราออกจากเกม แต่เราก็พยายามสู้ร่วมกัน และไม่สูญเสียความเชื่อมั่น สุดท้ายเราก็ผ่านพ้นไปได้ ซึ่งต้องขอบคุณฟอร์มการเล่นที่สุดยอดของทีม ผมมีความเชื่อมั่นเสมอว่าผมจะยิงประตูจากลูกจุดโทษได้ แม้ว่าจะเป็นหนึ่งในฟอร์มการเล่นที่แย่มากของผมกับ ลิเวอร์พูล มันไม่ได้เกี่ยวกับว่าใครจะยิงประตูในคืนนี้ มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเล่นของทีม"
"ผมเคยพูดมาหลายครั้งแล้ว เมื่อจบเกมนัด 2 เรายังมีเกมที่ต้องเล่นกับทีมอื่นอีก ถ้าแฟนบอลยังคงเชียร์แบบนี้ต่อไป จากนั้นทีมอื่นๆ คงสู้กับเราไม่ได้ ตอนนี้เรายังมีเกมสำคัญในลีกที่กำลังจะมาถึง แต่เราก็พร้อมที่จะพบกับ เชลซี ในรอบรองชนะเลิศแล้ว" มิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษ กล่าว

Liverpool won 4-2











เบนิเตซเผยความเชื่อมั่นกุญแจสู่ชัยชนะเหนือปืน


ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือจอมแท็กติกของ ลิเวอร์พูล ยอมรับความเชื่อมั่นของขุนพล "หงส์แดง" เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้แซงกลับมาถล่ม "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล 4-2 ทะลุเข้าสู่รอบรองชนะเลิศศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีมชาวสเปนของ ลิเวอร์พูล ออกมากล่าวสรรเสริญความเชื่อมั่น และความทุ่มเทของลูกทีมว่าเป็นจุดสำคัญที่ทำให้กำราบ อาร์เซน่อล คู่ปรับร่วมเกาะอังกฤษ 4-2 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัด 2 ที่แอนฟิลด์ เมื่อวันอังคารที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา รวม 2 นัดชนะ 5-3
อดีตนายใหญ่ บาเลนเซีย กล่าวหลังจากต้องดวลกับ เชลซี ในรอบตัดเชือกถ้วยใบนี้เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 4 ปี ว่า "ผมคิดว่ากุญแจสำคัญคือความเชื่อมั่นของนักเตะทุกคน ผมคิดว่าในครึ่งหลังเราเล่นได้ดีมาก ในครึ่งแรกเราเล่นกันได้แย่จริงๆ แต่เมื่อเรายิงประตูได้ทำให้เรามีความเชื่อมั่น และเริ่มแสดงให้เห็นถึงคุณภาพที่ยอดเยี่ยมของเรา"
"ผมคิดว่าพวกเขามีนักเตะบางคนซึ่งเคยลงเล่นในเกมนัดชิงชนะเลิศเมื่อ 2 ปีก่อน (แพ้ บาร์เซโลน่า 1-2) ดังนั้นพวกเขาเป็นทีมที่มีประสบการณ์ แต่เราก็มีนักเตะหลายคนที่มีประสบการณ์เช่นกัน สำหรับผมแล้วความแตกต่างมันอยู่ที่เรื่องความเชื่อมั่น ผมผิดหวังกับแนวทางที่พวกเขาทำประตูได้ แต่หลังจากนั้นผมก็มีความสุขมากๆ กับความทุ่มเทของนักเตะทุกคน และแนวทางที่พวกเขาตอบสนองออกมา"
ขณะเดียวกัน ราฟา ยังได้กล่าวถึงจุดเปลี่ยนที่พวกเขาได้ประตูขึ้นนำ 3-2 ในช่วง 5 นาทีสุดท้าย จากการสังหารจุดโทษของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด มิดฟิลด์กัปตันทีมว่า "บางครั้งรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถสร้างความแตกต่างได้ และมันก็เป็นการยิงจุดโทษที่สุดยอดของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ซึ่งมันส่งผลดีกับเราจริงๆ"
"ตอนนั้นผมกำลังคิดจะส่ง (อังเดร) โวโรนิน เพราะเราต้องการเพิ่มความดุดันในเกมบุก ทำให้ต้องใส่ผู้เล่นเกมรุกเข้าไปเพิ่มมากขึ้น แต่หลังจากที่เราได้ประตูจากจุดโทษ ผมก็เปลี่ยนใจส่ง (อัลบาโร่) อาร์เบลัว ลงมาแทน ด้าน (ไรอัน) บาเบล เขาทำให้เกิดความแตกต่าง เพราะเราต้องการความรวดเร็ว และความสามารถเฉพาะตัว เพราะ (เฟร์นานโด) ตอร์เรส เริ่มหมดแรง ดังนั้น เราเลยใช้ความเร็วของ บาเบล มายืนค้ำในแดนหน้า"
ส่วนในรอบรองชนะเลิศที่ต้องพบกับ เชลซี นายใหญ่ชาวกระทิง ไม่ขอพูดถึงในตอนนี้ เพราะต้องการมีความสุขกับผลงานที่สุดยอดของทีมมากกว่า "สิ่งแรกที่ผมคิดก็คือความสนุกในวันนี้ และจากนั้นเราค่อยคิดถึงเกมกับ เชลซี มันคงเป็นเกมที่ยากลำบากแน่นอน"
"คุณคงได้เห็นการเล่นที่ยอดเยี่ยมของ อาร์เซน่อล ในช่วงครึ่งแรกแล้ว เกมนี้มีการยิงกันถึง 6 ประตู และมันเป็นชัยชนะที่สุดแสนวิเศษกับเกมที่สุดยอด ทุกๆ คนมีความสุขจริงๆ และผมก็พอใจกับแรงสนับสนุนจากแฟนบอลทุกคนด้วย เพราะมันเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับเราเสมอที่ได้เล่นต่อหน้าแฟนบอล และคุณสามารถได้ยินเสียงเชียร์ตั้งแต่ต้นเกม พวกเขาช่างแสนมหัศจรรย์ และมีความสำคัญสำหรับนักเตะทุกคน"

หงส์ลิ่วเชือดปืนเดือด4-2ตัดสิงห์ที่ทุบเฟเนร์ฯ2-0


หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ยังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอด ในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อเป็นฝ่ายเปิดสนามแอนด์ฟิลด์เอาชนะ อาร์เซน่อล ไปได้ 4-2 รวมผลสองนัดเข้ารอบด้วยประตูรวม 5-3 พร้อมทะยานเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ได้เป็นครั้งที่ 3 ในรอบสี่ปีหลัง โดยจะเข้าไปพบกับ "สิงห์บูลส์" เชลซี ที่เปิดบ้านบดเอาชนะ เฟเนร์บาห์เช่ ทีมเก่งจากตุรกีไปไม่ยาก 2-0 เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา


ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
รอบก่อนรองชนะเลิศ (นัดสอง)
วันอังคารที่ 8 เม.ย.51
ลิเวอร์พูล (อังกฤษ) 4 - 2 อาร์เซน่อล (อังกฤษ)
(รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล ชนะ 5-3)
สนาม : แอนฟิลด์
ผู้ชม : 45,000 คน
เกมที่แอนฟิลด์ สองทีมดังของเมืองผู้ดีถึงคราวต้องทำศึกนัดแตกหักหลังเจ๊ากันมาในนัดแรก 1-1 โดยลิเวอร์พูลหันมาเน้นรุกเต็มสูบปรับมาเล่นในระบบ 4-4-2 ใช้งานสตีเว่น เจอร์ราร์ดเป็นปีกซ้ายให้ปีเตอร์ เคราช์ลงบู๊เป็นตัวจริงคู่กับเฟร์นานโด ตอร์เรส
ส่วนอาร์เซน่อลจัดให้โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ที่ต้องเช็คความฟิตเป็นเพียงตัวสำรองส่งอเล็กซานเดอร์ คเล็บรับบทหน้าต่ำช่วยงานเอ็มมานูเอล อเดบายอร์ในแดนหน้า
หลังจากมีการยืนไว้อาลัยให้กับมาติเยอ สเปรงเกอร์สประธานสหพันธ์ฟุตบอลฮอลแลนด์และผู้บริหารระดับสูงของยูฟ่าที่เสียชีวิตเมื่อวันอาทิตย์ เกมก็เริ่มขึ้นโดยอาร์เซน่อลเป็นฝ่าย เขี่ยบอลก่อนพร้อมทั้งบุกขึ้นหน้าสร้างความหวาดเสียวให้กับเดอะ ค็อปตั้งแต่หัววัน
และในที่สุดนาทีที่ 13 ปืนโตก็ระเบิดกระสุนได้จากการทำเกมรุกที่สุดยอด ถ่ายบอลกันเป็นทอดๆกระทั่งเคล็บแทงบอลเข้าเขตโทษด้านขวาให้อาบู ดิยาบี้วิ่งสอดเข้าไปหนีชาบี อลอน โซได้ก่อนจะตะบันมุมแคบระยะแปดหลายัดไส้ทะลุการปิดมุมของโฆเซ่ เรน่าตุงตาข่ายพาทีมเมืองหลวงนำไปก่อนอย่างเร็วจี๋ 1-0
พอเสียความบริสุทธิ์ เจ้าถิ่นจึงเดินเกมสู้ และนาทีที่ 17 ฟิลิป เซ็นเดรอสก็ถูกจดชื่อในจังหวะฟาล์วใส่เจอร์ราร์ด ถัดจากนั้นเกมก็ออกรูปสูสี แต่ไม่มีจังหวะทำอะไรกันมาก นัก
กระทั่งนาทีที่ 31 จากลูกโยนทางกราบซ้ายของฟาบิโอ ออเรลิโอที่แฉลบโคโล่ ตูเร่ออกหลังเป็นลูกเตะมุมอีกฟาก เร้ดแมชีนก็ทวงสกอร์คืนมาจากลูกโหม่งระยะไกล 16 หลาของซามี่ ฮู เปียซึ่งเซ็นเดรอสเข้าประกบช้าบอลจึงลอยย้อนศรชนเสาไกลตุงตาข่ายชนิดเชส ฟาเบรกาสที่ยืนคุมเสากระโดดโขกสกัดไม่ถึงทำให้ลิเวอร์พูลตีเสมอเป็น 1-1
เกมยังผลัดกันรุกรับอย่างสนุกเร้าใจ แต่ถึงนาทีที่ 39 มาติเยอ ฟลามินี่ก็เกิดเจ็บขึ้นมาในจังหวะวิ่งเบียดไปกับเจอร์ราร์ดแล้วกลับมาเล่นต่อไม่ไหว ท็อปกันจึงต้องส่งจิลแบร์โต้ ซิ ลวาลงไปแทนในอีกสามนาทีให้หลัง ก่อนที่เกมในครึ่งแรกจะสิ้นสุดลงไปด้วยผลลัพธ์ 1-1
เริ่มครึ่งหลังยังไม่ครบนาทีดี หงส์แดงก็มีเสียวเมื่อชาบี้ อลอนโซ่กระดกบอลจากหน้าเขตโทษเข้าไปให้เคราช์ซัลโวระยะ 16 หลา แต่ไม่แรงพอที่จะผ่านจังหวะทิ้งตัวตะครุบของมานูเอล อัลมูเนียไปได้
เจ้าบ้านยังทำเกมกดดันอาคันตุกะต่อ และนาทีที่ 53 ตอร์เรสก็เลื้อยขึ้นกราบขวาไปจ่ายบอลเข้าเขตโทษโดนวิลเลี่ยม กัลลาสเคลียร์ออกมา ออเรลิโอจึงกระทุ้งสวนเข้าไปแล้วเกือบดีกระทบเคราช์ที่ยืนอยู่แถวจุดเตะลูกโทษเปลี่ยนทิศหลุดกรอบไปอย่างหวุดหวิด
ลิเวอร์พูลคุมสถานการณ์เอาไว้ได้อย่างเด็ดขาดแล้ว แต่นาทีที่ 59 ปืนโตโต้ขึ้นมาได้เยี่ยมโดยกาแอล กลิชี่บุกขึ้นฝั่งซ้ายไปป้ายบอลเข้าเขตโทษให้เคล็บเข่นอย่างถนัดถนี่ถูกฮูเปียเข้าบล็อคได้อย่างเฉียดฉิว
อาร์เซน่อลพยายามขยับเกมรุก แต่เจ้าถิ่นบีบพื้นที่ได้ดีไม่เปิดช่องให้ลุยขึ้นมาง่ายๆ กระทั่งนาทีที่ 63 เอ็มมานูเอล เอบูเอ้ก็สบโอกาสโฉบเข้าเกี่ยวบอลในเขตโทษด้านขวาหนีมาร์ติน สเคอร์เทลได้ แต่จังหวะสุดท้ายยิงมุมแคบเข้าข้างตาข่ายอย่างน่าเสียดาย
ในที่สุดนาทีที่ 69 สิ่งที่แฟนหงส์ต้องการก็อุบัติขึ้นจนได้จากลูกที่วางยาวมาจากแดนหลังแล้วบอลตกพื้นกระดอนเข้าเขตโทษด้านซ้าย ตอร์เรสจึงโชว์ความร้ายกาจโยกหนีเซ็นเดรอสแล้ววอลเลย์จากระยะ 16 หลาเข้าเสียบเสาไกลอย่างเฉียบขาดโดยที่อัลมูเนียไม่ต้องขยับทำให้เร้ด แมชีนแซงนำเป็น 2-1
อาร์เซน่อลเปลี่ยนตัวสู้ทันทีในนาทีที่ 71 โดยปล่อยฟาน เพอร์ซี่กับธีโอ วัลค็อตต์ลงไปแทนดิยาบี้กับเอบูเอ้ และเกือบตีเสมอได้ทันควันเมื่ออเดบายอร์ตามไปแปลูกส้มหล่นในเขตโทษสวนทางโฆเซ่ เรน่าได้แล้ว แต่บอลกลิ้งเฉี่ยวกรอบประตูออกไป
นาที 84 ปืนโตได้ประตูตีเสมอ 2-2 จากจังหวะที่ธีโอ วัลค็อตต์ กระชากบอลหนีนักเตะเจ้าถิ่นจากแดนตัวเองไปจนถึงกรอบโทษแล้วเปิดเข้ากลางให้เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ แปโล่งๆตรงจุดโทษตุงตาข่าย
แฟนทีมเยือนดีใจได้ไม่นานเมื่อนาทีต่อมาหงส์แดงมาได้ประตูออกนำ 3-2 จากจังหวะที่ไรอัน บาเบิ้ล พาบอลเข้ากรอบโทษแล้วโดนโคโล ตูเร่ดึงล้มลงผู้ตัดสินชาวสวีเดนเป่าเป็นจุดโทษทันทีและเป็นสตีเว่น เจอร์ราร์ด รับหน้าที่สังหารไม่พลาด
ช่วงท้ายเกมทีมปืนใหญ่ฮึดบุกเต็มกำลัง แต่รูปเกมไม่ไหลเท่าที่ควร กระทั่งช่วงทดเจ็บไรอัน บาเบิ้ลสำแดงเดชด้วยการกระชากบอลผ่าน เชส ฟาเบรกาส เข้าไปยิงประตูตอกฝาโลงให้เจ้าบ้านถล่มเอาชนะไปด้วยสกอร์ท่วมท้น 4-2 รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล เข้ารอบด้วยประตูรวม 5-3 เข้าไปรอเจอคู่เชลซีในรอบต่อไป
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า - เจมี่ คาร์ราเกอร์, ซามี่ ฮูเปีย, มาร์ติน สเคอร์เทล, ฟาบิโอ ออเรลิโอ - เดิร์ค เค้าท์, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, ชาบี อลอนโซ่, สตีเว่น เจอร์ราร์ด (กัปตัน ทีม) - เฟร์นานโด ตอร์เรส, ปีเตอร์ เคร้าช์
สำรอง : ชาร์ลส์ อิต็องด์เช่ (ผู้รักษาประตู), ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่, อังเดร โวโรนิน, ยอสซี่ เบนายูน, อัลบาโร่ อาร์เบลัว, ไรอัน บาเบิ้ล, ลูกัส เลว่า
อาร์เซน่อล : มานูเอล อัลมูเนีย - โคโล ตูเร่, วิลเลี่ยม กัลลาส (กัปตันทีม), ฟิลิปป์ เซนเดอรอส, กาแอล กลิชี่ - เอ็มมานูเอล เอบูเอ้, เชสก์ ฟาเบรกาส, มาติเยอ ฟลามินี่, อาบู ดิยาบี้ - อเล็กซานเดอร์ เคล็บ - เชยี่ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์
สำรอง : เยนส์ เลห์มันน์ (ผู้รักษาประตู), โรบิน ฟาน เพอร์ซี่, อเล็กซ็องดร์ ซง, จิลแบร์โต้ ซิลวา, นิคลาส เบนด์ทเนอร์, จัสติน ฮอยต์, ธีโอ วัลค็อตต์
ผู้ตัดสิน : ปีเตอร์ ฟรอจด์เฟลดต์ (สวีเดน)

วันอังคารที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2551

เฟร์นานโด ตอร์เรส ยอดดาวยิงมหาประลัย




การย้ายมาร่วมถิ่น แอนฟิลด์ ของ เฟร์นานโด ตอร์เรส เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา กลายเป็นที่สงสัยของใครหลายคนว่านี่จะเป็นการลงทุนที่ล้มเหลวครั้งใหญ่อีกครั้งของ ลิเวอร์พูล เมื่อพวกเขาทุ่มเงินมหาศาลคว้ากองหน้าที่ไม่เคยยิงในลีกได้ถึงฤดูกาลละ 20 ประตูมาร่วมทีม
เม็ดเงินจำนวน 26.5 ล้านปอนด์ (1,669.5 ล้านบาท) ที่ ลิเวอร์พูล จ่ายให้กับ แอตเลติโก มาดริด อันเป็นสถิติการซื้อตัวนักเตะสูงสุดในประวัติศาสตร์สโมสร ถือเป็นความเสี่ยงอย่างสูง หลังจากที่ผ่านมาพวกเขามักคว้านักเตะอย่างผิดพลาดมาตลอด โดยเฉพาะในตำแหน่งกองหน้า
เอล ฮัดจิ ดิยุฟ, ฌิบริล ซิสเซ่ และ เฟร์นานโด มอริเอนเตส คือตัวอย่างที่ดีของการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำของยอดทีมแห่งถิ่นเมอร์ซี่ไซด์ เมื่อทั้งหมดไม่เคยทำประตูในลีกในถึงเลข 2 หลักเลย ขณะที่ ตอร์เรส ก็ไม่ใช่กองหน้าประเภทที่ยิงถล่มทลายจนมีลุ้นตำแหน่งดาวซัลโวในลา ลีกา แต่อย่างใด
ถึงกระนั้นด้วยพรสวรรค์อันเต็มเปี่ยมของ หัวหอกทีมชาติสเปน ก็ทำให้เขาได้รับความสนใจจากบรรดาสโมสรยักษ์ใหญ่ของยุโรป รวมถึง อาร์เซน่อล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่เฝ้าจับตามองอย่างใกล้ชิดมาตลอด ก่อนจะมาลงเอยกับ "หงส์แดง" ในที่สุด
แน่นอนว่าการมาเป็นสมาชิกใหม่ของ ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัวมหาศาล และได้รับความคาดหวังอย่างสูงจากทุกคน ย่อมทำให้ "เอล นินโญ่" รู้สึกกดดันไม่น้อย ทว่าเขาก็ยืนยันว่าความกดดันนั้นยังน้อยกว่าสมัยที่ค้าแข้งในถิ่น บิเซนเต้ กัลเดร่อน เนื่องจากต้องรับบทบาททั้งกัปตันทีม ไอดอลของสโมสร และดาวซัลโว
เจ้าของเสื้อหมายเลข 9 สามารถปรับตัวเข้ากับลีกอังกฤษได้อย่างรวดเร็ว และเริ่มต้นได้สวยงามกับการลากเลื้อยเข้าไปยิงประตูในเกมที่เสมอ เชลซี 1-1 เมื่อช่วงต้นฤดูกาล และหลังจากนั้นมาก็ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งได้อีก
หัวหอกชาวกระทิง เดินหน้าซัดประตูอย่างต่อเนื่อง โดยยิงแฮตทริกได้ถึง 3 ครั้งในเกม คาร์ลิ่ง คัพ กับ เร้ดดิ้ง และใน พรีเมียร์ลีก กับ มิดเดิ้ลสโบรช์ และ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ทำให้ล่าสุดยอดรวมประตูเป็น 28 ลูกแล้ว และยังเป็นนักเตะคนแรกของ ลิเวอร์พูล ที่ยิงในลีกได้เกิน 20 ประตูนับตั้งแต่ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ อีกด้วย
ว่ากันว่านี่เป็นฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดของ ตอร์เรส นับตั้งแต่ที่เริ่มต้นการค้าแข้งมาเลยทีเดียว แต่ทว่าบุคคลที่ปลุกปั้นเขามากับมืออย่าง ราโดเมียร์ อันทิช อดีตเทรนเนอร์แอต.มาดริด และ บาร์เซโลน่า เชื่อว่าลูกทีมเก่าของเขายังสามารถไปได้ไกลกว่านี้อีกมาก
"ตอนนี้เขาเป็นนักเตะที่แตกต่างจากเมื่อตอนที่อยู่ในสเปน เขาเต็มไปด้วยพรสวรรค์ แต่ในเรื่องสภาพร่างกาย และเทคนิคแล้ว เขาสามารถปรับตัวเข้าเกมอังกฤษได้เป็นอย่างดี และเขาก็ยังสามารถพัฒนาได้อีก"
"ผมไม่รู้สึกประหลาดใจเลย เขาเป็นนักเตะพิเศษ และสิ่งที่ทำให้เขาพิเศษก็คือเขามีคุณสมบัติหลายประการรวมกัน การเล่นของเขาน่าตื่นเต้น และเขาก็มีทั้งทักษะ และฉลาดเป็นกรด เขาคิดอยู่เสมอถึงวิธีการที่เขาจะยิงประตู เขาไม่ใช่ผู้แพ้ เขาเป็นคนที่ต้องการชัยชนะ"
"เขาสนุกกับตัวเอง ซึ่งสำคัญมากสำหรับเขา ในช่วง 2-3 ฤดูกาลที่ แอตเลติโก เขาผิดหวังมาก เขาเป็นกัปตันทีม และทีมก็ทำผลงานได้ไม่ดีนัก ตอนนี้เขากลับมามีความสุขอีกครั้ง"
"เขายังสามารถมอบให้กับ ลิเวอร์พูล ได้มากกว่านี้ เขาเป็นตัวจบสกอร์ที่ดีในเขตโทษด้วย ถ้า ลิเวอร์พูล เล่นฟุตบอลมากขึ้น และเปิดบอลจากริมเส้นเข้าเขตโทษ เขาก็น่าจะประสบความสำเร็จมากกว่านี้"
"เขาเป็นนักเตะที่ต้องการบอลที่ดีในช่วงจังหวะที่เหมาะสม แต่ ลิเวอร์พูล ไม่ได้ครองเกม พวกเขาเล่นตั้งรับมากไปหน่อย และไม่ได้เป็นผู้กำหนดจังหวะของเกม" กุนซือชาวเซิร์บ กล่าว
ลิเวอร์พูล ต้องการ ตอร์เรส ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดเพื่อช่วยทีมเอาชนะ อาร์เซน่อล ในเกมวันอังคารนี้ และผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หลังจากที่ 3 นัดแรกที่ทั้งคู่เจอกันในฤดูกาลนี้จบลงด้วยผลเสมอ 1-1 ทั้งหมด
อลัน แฮนเซ่น อดีตยอดปราการหลัง "หงส์แดง" และผู้ให้ทรรศนะของบีบีซี สปอร์ต เชื่อว่าการจะหยุด ตอร์เรส ให้ได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอน โดยเฉพาะเมื่อลงเล่นในถิ่น แอนฟิลด์ ซึ่ง ดาวยิงทีมชาติสเปน ซัดต่อหน้ากองเชียร์ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ
"เพียงเพราะว่าบางคนเคยทำผลงานได้ดีในการเจอกับ ตอร์เรส นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะทำได้อีกครั้ง เขาเต็มไปด้วยคุณภาพซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะหยุดเขาได้ทุกครั้ง"
"ถ้าคุณต้องการที่จะหยุดเขา อย่างแรกคุณต้องดีพอ และมีความเร็วเพราะ ตอร์เรส เร็วเหมือนกับสายฟ้า ช่วงเวลาที่เขาประสบความสำเร็จมากที่สุดกับ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้ คือตอนที่กองหลังปล่อยให้เขามีพื้นที่ และเขาก็ยิงผ่านพวกเขาไป"
"ไม่มีทางที่กองหลังจะหยุดได้ ถ้าคุณไม่ได้บอลในตอนแรก เขาก็จะลากหนีคุณไป และคุณก็ต้องตัดสินใจทำฟาวล์เท่านั้น คุณไม่มีทางกลับตัวได้เร็วพอ เพราะเขามีฝีเท้าจัดจ้าน ซึ่งทำให้คุณมีทางเลือกเดียวเท่านั้น ถ้าคุณไม่ได้บอล คุณก็ต้องทำฟาวล์เขา" แฮนเซ่น กล่าว
ขณะที่ ไมเคิ่ล โรบินสัน อดีตดาวเตะลิเวอร์พูล และเป็นผู้เชี่ยวชาญของสถานีโทรทัศน์สเปน ออกมาแสดงความเห็นด้วยว่า แอนฟิลด์ ได้กลายเป็นบ้านหลังที่ 2 ของ ตอร์เรส ไปแล้ว หลังจากที่สัมภาษณ์ดาวยิงรายนี้
"วิธีการที่ เฟร์นานโด พูดอาจทำให้คุณคิดไปว่าเขาเกิดที่ท็อกซ์เทธ สิ่งที่ยืนยันคำพูดผมได้ดีคือเขาหลงรัก ลิเวอร์พูล อย่างมาก เขารู้จัก ลิเวอร์พูล และธรรมเนียมของทีมเป็นอย่างดี เวลาที่ทีมแพ้ นักเตะอาจคิดถึงเขาเป็นอันดับแรก แต่ เฟร์นานโด บอกกับผมว่าเวลาที่ ลิเวอร์พูล แพ้ สิ่งที่ที่นักเตะคิดถึงคือแฟนบอล" โรบินสัน กล่าว
ว่ากันว่าหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ ตอร์เรส ตัดสินใจย้ายมาร่วมทีม ลิเวอร์พูล คือ ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีม ซึ่งอดีตเด็กปั้น "ตราหมี" เชื่อว่าเขามีสไตล์การเล่นเข้ากับ "หงส์แดง" เป็นอย่างดี
"เกมโต้กลับเร็วสำคัญมากสำหรับ ลิเวอร์พูล และ ตอร์เรส ก็เข้ากับระบบนี้ได้เป็นอย่างดี เขาเต็มไปด้วยความเร็วและจบสกอร์ได้อย่างเฉียบคม เพราะ ลิเวอร์พูล ตั้งรับลึกและเล่นโต้กลับ ตอร์เรส จึงมีพื้นที่มากในแดนหน้าเมื่อเขาได้บอล เขาสามารถใช้ประโยชน์จากความเร็วและพวกกองกลางก็ไม่จำเป็นต้องมีความเร็วเพื่อให้ทันเขา" โรบินสัน กล่าว

ฮูเปียปลื้มต่อสัญญาหงส์ใกล้อยู่ครบทศวรรษ


ซามี่ ฮูเปีย กองหลังสุดเก๋า ของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล แฮปปี้สุดๆ ที่ต่อสัญญากับสโมสรออกไปอีก 1 ปี ทำให้เขาจะค้าแข้งกับ "หงส์แดง" ถึง 10 ปี ลั่นรักสโมสรแห่งนี้ และต้องการอยู่ที่นี่ต่อไป แม้จะมีข้อเสนอมาจากที่อื่นก็ไม่คิดจะย้ายไปไหน
ซามี่ ฮูเปีย กองหลังจอมเก๋า ของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ยอมรับว่า ตื่นเต้น และดีใจสุดๆ ที่เซ็นต่อสัญญาฉบับใหม่กับทีมต่อไปอีก 1 ปี ซึ่งจะทำให้เขาอยู่ในถิ่น แอนฟิลด์ เป็นฤดูกาลที่ 10 เผยไม่มีความคิดเรื่องย้ายอยู่ในหัวสักนิดเดียว แม้รู้ว่าตัวเองได้รับความสนใจจากสโมสรอื่นๆ ด้วยก็ตาม
กองหลังชาวฟินแลนด์ กล่าวว่า "ผมดีใจมากที่ทุกคนยังอยากให้ผมอยู่ที่นี่ ผมมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกคนที่สโมสร ทั้งแฟนบอล และนักเตะ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากมากที่ผมจะจากไป แต่ผมไม่ได้คิดเกี่ยวกับมันเท่าไหร่หรอก สิ่งสำคัญที่สุดคือตั้งใจเล่นให้ดีที่สุดเพื่อให้ผมยังสมควรที่จะอยู่ที่นี่"
"ผมมีข้อเสนอจากที่อื่นๆ เข้ามาบ้าง แต่ทุกอย่างที่นี่ยอดเยี่ยมมาก และผมรักทุกๆ อย่าง ทุกๆ นาทีที่นี่เลยละ มันพิเศษจริงๆ ที่ผู้เล่นต่างชาติอย่างผมจะอยู่กับสโมสรเดียวเป็นเวลานานถึง 10 ปี ผมจึงดีใจจริงๆ ที่ได้อยู่กับสโมสรที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ เราจะคอยดูว่าปีหน้าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ผมจะตั้งใจเล่นต่อไป และดูแลสภาพร่างกายให้ฟิตอยู่เสมอ เมื่อผู้จัดการทีมต้องการผม ผมจะพร้อมลงเล่นเสมอ " กองหลังวัย 34 ปี กล่าว

วันจันทร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2551

เคร้าช์ทำใจถึงเวลาต้องลาหงส์


ปีเตอร์ เคร้าช์ หัวหอก ลิเวอร์พูล รับถึงเวลาแล้วที่ต้องอำลาถิ่น แอนฟิลด์ ในช่วงซัมเมอร์นี้ หลังไม่สามารถแย่งตำแหน่งตัวจริงในทีมได้สำเร็จ บอกใจจริงไม่อยากย้ายสังกัด แต่ต้องทำเพื่ออนาคตในทีมชาติอังกฤษ ยันตอนนี้ขอมุ่งมั่นกับการเล่นเต็มที่ เพื่อช่วย "หงส์แดง" คว้าแชมป์ก่อนโบกมือลา
ปีเตอร์ เคร้าช์ กองหน้าร่างโย่งของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก ออกมาเปิดเผยว่า ตัวเองคงต้องยอมรับความจริงถึงเรื่องที่จะไม่มีอนาคตในถิ่น แอนฟิลด์ และพร้อมพิจารณาข้อเสนอย้ายทีมที่จะเข้ามาในช่วงซัมเมอร์นี้ เนื่องจาก หากยังฝืนดึงดันต่อไปก็อาจจะส่งกระทบต่อการติดทีมชาติอังกฤษ ในระยะยาว
เคร้าช์ ซึ่งได้ลงเป็นตัวจริงให้ "หงส์แดง" ไปเพียงแค่ 7 นัดในฤดูกาลนี้ เผยว่า "ความจริงแล้ว ผมอยากจะอยู่กับ ลิเวอร์พูล ต่อไป เพราะที่นี่เป็นสโมสรที่ยอดเยี่ยมมาก ผมรักทุกสิ่งที่เกี่ยวกับทีม แต่ผมก็ต้องยอมรับสภาพความเป็นจริงเช่นกัน ผมอยากเล่นให้ทีมชาติอังกฤษ และต้องการอนาคตที่ดีในชีวิตค้าแข้ง ดังนั้น ผมจึงต้องได้ลงเล่น แต่สิ่งนั้นไม่ได้เกิดขึ้นในเวลานี้"
"ตอนนี้ผมมุ่งมั่นที่จะคว้าแชมป์ร่วมกับ ลิเวอร์พูล และมีส่วนร่วมกับทีมไปจนจบฤดูกาล เรากำลังอยู่บนเส้นทางลุ้นแชมป์รายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มันสร้างความตื่นเต้นให้กับพวกเราอย่างมาก และผมก็จะพยายามมุ่งเป้าไปที่สิ่งนั้น" อดีตหัวหอก เซาธ์แฮมป์ตัน กล่าวในที่สุด

ราฟาเผยคาร์ร่าพร้อมเล่นทุกตำแหน่งเพื่อทีม


ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือ อาร์เซน่อล เผย เจมี่ คาร์ราเกอร์ กองหลังตัวเก่ง พร้อมเล่นทุกตำแหน่งเพื่อทีม หลังถูกจับโยกไปเล่นแบ็กขวาในช่วงที่ผ่านมา ชี้จำเป็นต้องทำ เนื่องจาก สตีฟ ฟินแนน มีปัญหาความฟิต พร้อมชื่นชมรองกัปตัน "หงส์แดง" เป็นแบบอย่างที่ดีของเพื่อนร่วมทีม
ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีม "ไอ้ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก ออกมากล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน ที่ผ่านมา ว่า เจมี่ คาร์ราเกอร์ ปราการหลังตัวเก่ง พร้อมเสมอที่จะเล่นทุกตำแหน่งเพื่อทีม หลังถูกจับโยกไปเล่นเป็นแบ็กขวาในช่วงที่ผ่านมา
คาร์ราเกอร์ ซึ่งปกติเล่นในตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟ ถูกจับไปเล่นเป็นแบ็กขวาในหลายเกมที่ผ่านมา เนื่องจาก สตีฟ ฟินแนน มีปัญหาเรื่องสภาพความฟิต และ เบนิเตซ ก็ออกมาชื่นชมรองกัปตันทีม ลิเวอร์พูล ที่ยินดีรับทุกบทบาทเพื่อต้นสังกัด แต่ยืนยันว่าอดีตดาวเตะทีมชาติอังกฤษ จะยืนประจำการฝั่งขวาเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น
"ผมไม่ตกใจสำหรับการขอให้ คาร์ร่า เล่นในตำแหน่งนั้น เขารู้ดีถึงความคิดผมและรู้ว่าเขาจำเป็นต้องทำงานเพื่อทีม ในบางเกมเขาจำเป็นต้องทำหน้าที่นี้และผมคิดว่ามันโอเค เรารู้ว่าเขาอยากเล่นในตำแหน่งเซนเตอร์มากกว่า แต่เขารู้ว่าตอนนี้มันสำคัญสำหรับทีมที่เขาเล่นเป็นแบ็กขวา เขาเป็นรองกัปตันทีม เขารู้ว่าเขาต้องเป็นแบบอย่างให้กับนักเตะคนอื่นๆ ผมพูดคุยกับเขาและเขารู้ถึงความคิดผมเกี่ยวกับอนาคต ซึ่งมันไม่ใช่ปัญหา"
"อนาคตของเขาไม่ใช่ในตำแหน่งแบ็กขวา ฟินแนน บาดเจ็บและเราก็ใช้ อาร์เบลัว ดังนั้น ผมจึงไม่มีปัญหากับตำแหน่งนี้ สิ่งเดียวคือคุณภาพและสภาพร่างกายของ คาร์ร่า แตกต่างจาก อาร์เบลัว และ ฟินแนน ผมพยายามใช้ คาร์ร่า เพราะในเรื่องการเล่นเกมรับแล้วเขาทำได้ดีมาก นั่นคือความคิดของผม" เบนิเตซ กล่าว

อัลมูเนียชี้หงส์เป็นประเภทเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย


มานูเอล อัลมูเนีย นายด่าน อาร์เซน่อล ชี้ ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่ยากจะคาดเดา เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย และอาจเล่นได้ดีกว่าในการเจอกับทีมที่มีเทคนิคดีก็เป็นได้ ระบุเกมวันอังคารนี้ยากที่จะวิเคราะห์ เหตุ "หงส์แดง" แกร่งทั่วแผ่นและสู้ยิบตา แต่ขุนพล "ไอ้ปืนใหญ่" ก็มีดีที่เกมสวนกลับและสามารถสร้างโอกาสได้เยอะเช่นกัน
มานูเอล อัลมูเนีย ผู้รักษาประตูมือ 1 ของ อาร์เซน่อล ยอดทีมแห่งศึกพรีเมียร์ลีก ออกมาชี้ว่า ลิเวอร์พูล คู่ต่อสู้ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ เป็นทีมที่ยากจะคาดเดา เนื่องจากมีฟอร์มการเล่นที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย และเชื่อว่าเกมนัด 2 ที่ขุนพล "เดอะ กันเนอร์ส" จะบุกเยือนถิ่น แอนฟิลด์ ในวันอังคารที่ 8 เม.ย.นี้ จะเป็นเกมที่ยากแน่นอน
พลพรรค "หงส์แดง" ซึ่งบุกไปเสมอ "ไอ้ปืนใหญ่" ที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม 1-1 ในเกมนัดแรก เมื่อวันพุธที่ผ่านมา มีผลงานเกมยุโรปในบ้านที่ยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้ แต่บางครั้งสาวก "เดอะ ค็อป" ก็ต้องพบกับความผิดหวังคาถิ่น แอนฟิลด์ อย่างไม่น่าเชื่อ อาทิ ความพ่ายแพ้คาบ้าน 1-2 ชนิดช็อกโลกต่อ บาร์นสลี่ย์ ทีมรองบ่อนจาก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ในศึก เอฟเอ คัพ
นายด่าน "เดอะ กันเนอร์ส" กล่าวว่า "พวกเขาเป็นทีมที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย สลับกันไปเรื่อยๆ บางทีพวกเขาอาจเล่นได้ง่ายกว่าในการเจอกับทีมที่มีเทคนิคดีกว่าก็เป็นได้ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน มันเป็นเรื่องยากที่จะวิเคราะห์พวกเขา เพราะพวกเขาเป็นทีมที่แข็งแกร่งและสู้ขาดใจ แต่พวกเราก็เป็นทีมที่เล่นเกมสวนกลับได้ดีเมื่อมีพื้นที่ว่าง และสามารถสร้างโอกาสยิงประตูได้มากมาย นั่นคือสิ่งที่เราเชี่ยวชาญเป็นพิเศษเลยทีเดียว"

วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2551

ราฟาได้ทีชี้ทีมฟอร์มแจ่ม เพราะโรเตชั่นต้นฤดูกาล


ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือชาวสเปนของลิเวอร์พูล ดำน้ำขุ่นๆ แจงเหตุผลที่จัดทีมหน้าเดิมๆ ลงไปทำผลงานที่ดีต่อเนื่องได้อย่างในตอนนี้ เป็นผลมาจากการที่เขาโรเตชั่นในช่วงต้นฤดูกาล ร่างกายเลยกระชุ่มกระชวย แถมเหน็บ ตัวเองเปลี่ยนทีมบอกโรเตชั่น แต่ที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ปรับทีมบ้าง กลับไม่ว่าอะไร
ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ ได้ทีออกมาตอบโต้เสียงวิจารณ์ก่อนหน้านี้ ที่กล่าวหาว่า เขาโรเตชั่นมากไปจนทีมผลงานแย่ หลังตอนนี้ทีมกำลังอยู่ในช่วงท็อปฟอร์ม และมีโอกาสที่จะทำผลงานได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นการจบด้วยอันดับ 4 พร้อมโควตา แชมเปี้ยนส์ ลีก ขณะที่ในบอลยุโรป ก็มีโอกาสสูงที่จะเข้ารอบตัดเชือก
ผลงานของ ลิเวอร์พูล กลับมามีความคงเส้นคงวา หลังจาก ราฟา เริ่มจัดทีมหน้าเดิมๆ ลงเล่นต่อเนื่อง โดย ราฟา บอกว่า ที่ทำได้แบบนี้เป็นผลพวงมาจากการที่เขาโรเตชั่นทีมในช่วงต้นฤดูกาลนั่นเอง ดังนั้น พอมาถึงโค้งสุดท้าย สภาพร่างกายนักเตะเลยไม่กรอบนั่นเอง "ผมพูดมาตลอดว่าตอน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พักนักเตะที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แสดงว่าเขากำลังเปลี่ยนแปลงทีม แต่พอผมทำ กลับบอกว่าผมโรเตชั่น"
"ผมอธิบายตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาลแล้วว่า ถ้าทีมต้องการคว้าแชมป์ มันเป็นเรื่องสำคัญมากที่ผู้จัดการทีมต้องใช้ขุมกำลังทั้งหมดอย่างทั่วถึง ผมอยากให้เรามีลุ้นในทุกรายการที่ลงเล่น ตอนนี้เราสามารถลุ้นแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก รายการเดียว แต่เราก็มีโอกาสดี เพราะนักเตะผมทุกคนได้พักกันถ้วนหน้ามาหมดแล้ว"
"ผมใช้ผู้เล่นชุดเดิมลงเล่นช่วงนี้ และฟอร์มเราก็ดีด้วย บางคนอาจจะล้า แต่ในแง่สภาพร่างกายเราจัดการได้ ตอนเราเล่นกับ อาร์เซน่อล ใน แชมเปี้ยนส์ ลีก เราได้ผลการแข่งขันที่ดีเพราะว่านักเตะสามารถเล่นด้วยฟอร์มที่ดีที่สุดของพวกเขาจนนาทีสุดท้าย" ราฟา กล่าว และมั่นใจด้วยว่า เกมนัด 2 วันอังคารหน้า พลพรรค "หงส์แดง" จะจบงานได้อย่างสมบูรณ์แบบแน่นอน
"ผมคิดว่าส่วนที่ยากที่สุดมันจบไปแล้ว แต่เราก็รู้ด้วยว่า เราต้องให้ความเคารพคู่แข่งด้วย เพราะ อาร์เซน่อล เป็นทีมที่ดี และก็อันตรายมากในการเล่นโต้กลับ พวกเขาแสดงให้เห็นแล้วในเกมรอบก่อนหน้านี้ เมื่อพวกเขาเปิดบ้านเสมอ มิลาน และไปชนะที่ ซาน ซิโร่ 2-0 ซึ่งแสดงให้เห็นว่า พวกเขาชนะได้ทั้งนั้นไม่ว่าจะในสถานที่ยากลำบากแค่ไหนก็ตาม" ราฟา กล่าว

ปืนคว่ำหงส์ไม่ลงเจ๊า1-1เบนท์เนอร์โขกแบ่งแต้ม


ศึกไตรภาคในรอบ 10 วันระหว่าง อาร์เซน่อล กับ ลิเวอร์พูล นัดที่สองยังคงกินกันไม่ลงเสมอกันไป 1-1 อีกครั้ง โดยเกมนี้ ปีเตอร์ เคร้าช์ ยิงให้ "หงส์แดง" ขึ้นนำก่อนที่ นิคลาส เบนท์เนอร์ จะมาไล่ตามตีเสมอให้ "ปืนใหญ่" ได้ ส่งผลให้สถานการณ์ลุ้นแชมป์ของ อาร์เซน่อล ลำบากมากขึ้นหลังตามผีแดงถึง 5 แต้มแถมยังแข่งมากกว่า 1 นัด
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
อาร์เซน่อล 1 - ลิเวอร์พูล 1
ศึกซูเปอร์บิ๊กแมตช์ประจำสัปดาห์ของพรีเมียร์ลีก เป็นการพบกันนัดที่ 2 ในรอบ 10 วันของ อาร์เซน่อล กับ ลิเวอร์พูล หลังจากที่เพิ่งฉะกันมาในเกมยุโรป โดยเสมอ 1-1 เมื่อกลาง สัปดาห์ ก่อนจะพบกันอีกเป็นนัดที่ 3 ในวันอังคารหน้า
สภาพทีมเกมนี้ อาร์แซน เวนเกอร์ จัดทีมแบบไม่พักตัวหลักนัก ผิดกับทาง ราฟาเอล เบนิเตซ โดย เดอะ กันเนอร์ส ดร็อปแค่ มานู บายอร์, อเล็กซ์ คเล็บ นอกนั้นเป็นชุดใหญ่ทั้งหมด มี นิคลาส เบนท์เนอร์ ยืนหอกคู่ ธีโอ วัลค็อตต์ ส่วนฝั่งทีมเยือนที่มาในเสื้อขาว งัดโรเตชั่นปรับทัพสะบั้นหั่นแหลก สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ซามี่ ฮูเปีย และคนสำคัญอย่าง เฟร์นานโด ตอร์เรส เป็นแค่ ตัวสำรองเท่านั้น นัดนี้ส่งนักเตะอย่าง เดเมี่ยน เพลสซิส ดาวรุ่งหน้าใหม่วัย 20 ลงประเดิมแผงกลางร่วมกับ ลูคัส เลว่า จัด ปีเตอร์ เคร้าช์ ยืนหอกเดี่ยว
เริ่มเกมมา 2 นาที หงส์แดง ได้เสียวเป็นประเดิม ปีเตอร์ เคร้าช์ ได้บอลที่ระยะ 30 หลา ก่อนแตะขึ้นหน้าหนึ่งจังหวะแล้วง้างยิงเต็มเหนี่ยว บอลพุ่งหวิดเสียบใต้คาน แต่ มานูเอล อัล มูเนีย พุ่งปัดบอลพ้นออกไปได้อย่างหวุดหวิดเกมช่วงต้นเป็น ลิเวอร์พูล ที่เปิดเกมรุกใส่เจ้าบ้านได้ตลอด แต่หลังจากผ่าน 10 นาทีไปแล้ว อาร์เซน่อล ก็เริ่มตั้งเกมได้บ้าง ทว่าก็ยังคงทำอะไรไม่ ได้เป็นชิ้นเป็นอัน
นาทีที่ 17 ลิเวอร์พูล ได้เสียวอีกคำรบ บอลทิ่มเข้าไปในเขตโทษถึง เคร้าช์ ทางฝั่งซ้าย หอกก้านยาวซัดเร็วตูมเดียวบอลลอยโด่งลิบลิ่วเข้ารกเข้าพง และนาที 22 เดเมี่ยน เพลสซิส มิดฟิลด์ดาวรุ่งฝรั่งเศส ได้กระหน่ำจาก 25 หลา บอลยังคงหลุดกรอบไปไหนต่อไหน ล่วงสู่นาทีที่ 31 หงส์แดง ได้โอกาสอีกครั้ง บอลปั๊มกันที่หน้าเขตโทษของเจ้าถิ่นก่อนทะลักขึ้นหน้าโดยมี ยอสซี่ เบนายูน วิ่งทะลุมาควบบอลเข้าเขตโทษทางขวาก่อนตวัดยิงไปทางเสาสอง ลูกหลุดเสาไกลออกหลังอย่างน่าผิดหวัง
สองนาทีต่อมา เป็นจังหวะเสียวครั้งแรกในเกมของเจ้าถิ่น เชส ฟาเบรกาส เก็บบอลได้หน้าเขตโทษก่อนกระหย่ำบอลลอดขา สตีฟ ฟินแนน แต่ลูกไม่ตรงกรอบ และอีกนาทีเดียว นิ คลาส เบนด์เนอร์ ได้ยิงเน้นๆเดี่ยวๆจากระยะแค่ 13 หลา บอลตรงตัว โฆเซ่ มานูเอล เรน่า ท้ายครึ่งแรกเป็น อาร์เซน่อล ที่กลับมาทำเกมรุกไล่ทีมเยือนได้บ้าง นาที 37 เซ็ตบอลขึ้นมาได้ลุ้น วาสซิ ริกี้ อาบู ดิยาบี้ หลุดขึ้นไปในเขตโทษทางขวาก่อนปาดเข้ากลางโดยมี ฟาเบรกาส พุ่งตัวหมายเข้าชาร์จ แต่ ฟินแนน ปราดเข้ามาเตะทิ้งได้ทันท่วงที
และแล้วในนาทีที่ 42 ลิเวอร์พูล ที่ต้องตั้งรับตลอดในช่วงนี้ ก็มาพังประตูขึ้นนำจนได้ บอลสาดจาก เรน่า ถึง ยอสซี่ เบนายูน กระดกบอลต่อขึ้นหน้าให้ ปีเตอร์ เคร้าช์ ล็อกหลบ วิ ลเลี่ยม กัลลาส ก่อนซัดเปรี้ยงยัดเสาแรกเข้าไปอย่างสุดเฉียบ ลิเวอร์พูล ทะยานนำ 1-0 ช่วง 4-5 นาทีที่เหลือในครึ่งแรก เกมเหือดหายจังหวะลุ้นสกอร์ กระทั่งสิ้นสุดครึ่งเวลาแรกลงไปขณะ ลิ เวอร์พูล ตรึงสกอร์นำเจ้าถิ่น 1-0
เปิดเกมครึ่งหลังไม่มีการปรับทัพจากทั้งสองฝ่าย นาที 50 บอลสาดจากกราบขวาเข้าไปถึง เคร้าช์ ได้โหม่งที่เสาสองแต่โดนไม่เต็ม บอลเด้งพื้นเข้าอ้อมอก อัลมูเนีย และ อาร์เซน่อล โต้กลับขึ้นมาจนได้เตะมุม บอลโยนมาถึง โคโล่ ตูเร่ ได้ขึ้นโขกเต็มๆที่ 8-9 หลา แต่ดันสะบัดลูกหลุดเสาซ้ายมืออย่างน่าเสียดาย แต่เมื่อถึงนาที 54 อาร์เซน่อล ก็มาตามตีเจ๊าได้สำเร็จ เพนแนนท์ ทำฟาวล์ทางกราบซ้ายกลายเป็นลูกฟรีคิก ฟาเบรกาส รับหน้าที่โยนเข้ามาโดยมี นิคลาส เบนท์เนอร์ โถมเข้าโขกโล่งๆไม่มีใครประกบ ลูกปะทะตาข่ายเฉียบขาด อาร์เซน่อล ตี 1-1 เรียบร้อย
โมเมนตัมของเกมตกเป็นของ อาร์เซน่อล แล้ว และ เวนเกอร์ ก็จัด เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ลงมาล่าตาข่ายแทน จัสติน ฮอยท์ ในนาทีที่ 57 พร้อมถอย ธีโอ วัลค็อตต์ ลงมาทำเกม ทางริมเส้น ส่วน เอล บอส ที่เห็นลูกทีมต้องตั้งรับเป็นพัลวัน ก็ส่ง สตีเว่น เจอร์ราร์ด ลงสนามมาในนาที 66 แทนที่ เพนแนนท์ และลิเวอร์พูลได้ลุ้นทันทีในนาทีที่ 72 รีเซ่ สาดลูกเข้ามาจากกราบ ซ้ายบอลเปลี่ยนทิศจะมุดใต้คาน ยังดีที่ อัลมูเนีย บินปัดทิ้งออกมาได้
อังเดร โวโรนิน หอกยูเครเนี่ยน ถูก เอล บอส ส่งลงมาเติมเกมรุกอีกคนในนาทีที่ 75 โดยเอา เบนายูน ไปเก็บ และ โวโรนิน ได้สับไกยิงหน้าเขตโทษในอีก 4 นาทีต่อมา บอลแฉลบ แนวรับปืนก่อนเด้งเข้ามือ อัลมูเนีย ไม่ยาก และนาที 79 เป็นโอกาสดีสุดๆของ ลิเวอร์พูล บอลตบจากสุดเส้นหลังขวามาเข้าทางปืน โวโรนิน ที่ระยะ 11 หลา โวโรนิน จับหนึ่งจังหวะแล้วตะบัน วอลเลย์ด้วยขวา บอลลอยข้ามคานไปอย่างน่าผิดหวัง ทั้งที่ยิงด้วยซ้ายจะมีช่องเปิดโล่งกว่าอย่างชัดเจน
เฟร์นานโด ตอร์เรส ถูกจัดลงมาดันเกมบุกอีกคนในนาทีที่ 80 แทนที่ เคร้าช์ ส่วนเจ้าถิ่นให้ อเล็กซานเดอร์ คเล็บ ลงแทน มาติเยอ ฟลามินี่ เข้าช่วง 5 นาทีสุดท้าย ทั้งสองฝ่ายเปิด เกมแลกกันอย่างสนุก โดยเฉพาะฝั่งเจ้าถิ่นที่บุกแหลกเมื่อเข้าช่วงทดเจ็บ แต่แล้วก็ไม่มีฝั่งไหนทำอะไรกันได้เพิ่มเติมอีก จบเกมเสมอกันอีกครั้ง 1-1 เป็นสกอร์เดียวกับเมื่อวันพุธที่แล้ว และยัง ผลให้ ลิเวอร์พูล ไม่ชนะที่บ้านของ อาร์เซน่อล เป็นฤดูกาลที่ 8 ติดต่อกัน
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
อาร์เซน่อล : มานูเอล อัลมูเนีย, จัสติน ฮอยท์, วิลเลี่ยม กัลลาส, โคโล ตูเร่, อาร์กม็องด์ ตราโอเร่, เอ็มมานูเอล เอบูเอ้, เชส ฟาเบรกาส, จิลแบร์โต ซิลวา, มาติเยอ ฟลามินี่, นิคลาส เบนท์เนอร์, ธีโอ วัลค็อตต์
ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า, สตีฟ ฟินแนน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, อัลบาโร่ อาร์เบลัว, เดเมี่ยน เพลสซิส, เจอร์เมน เพนแนนท์, ยอสซี่ เบนายูน, ลูคัส เลว่า, ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่, ปีเตอร์ เคร้าช์

วันเสาร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2551

เค้าท์มันส์แข้งขอยิงไม่ยั้ง หวังฉุดหงส์ฉลุยศึกชปล.


เดิร์ค เค้าท์ หัวหอกฝั่งขวา "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล โวลั่นมั่นใจเหลือเกิน ซัลโวไม่หยุดยั้งพาทีมผงาดเข้ารอบตัดเชือกศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ให้จงได้ หลังซัดกระจายเวทียุโรป แต่ดันเป็นสิงห์ปืนฝืด พรีเมียร์ลีก ซะงั้น ชี้เป็นเพราะถูกโยกไปเล่นริมเส้นเลยไม่เปรี้ยงปร้างเท่าที่ควร
เดิร์ค เค้าท์ กองหน้า ลิเวอร์พูล ตั้งความหวังรักษาผลงานการถล่มประตูสำคัญๆ เอาไว้ให้ได้ต่อไปในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หลังจากที่เพิ่งบุกไปยิงตีเสมอ อาร์เซน่อล 1-1 ในเกมรอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรก เมื่อวันพุธที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่สนาม เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม รวมเบ็ดเสร็จยิงไปแล้ว 10 ประตูในฤดูกาลนี้
หัวหอกดัตช์แมน กล่าวผ่าน www.liverpoolfc.tv เว็บไซต์ของสโมสร เมื่อวันศุกร์ที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา ว่า "ตอนนี้ผมยิงไปแล้ว 10 ลูกในฤดูกาลนี้ แถมยิงในยุโรปได้มากกว่า พรีเมียร์ลีก อีกต่างหาก มันนานมากๆ กว่าจะยิงได้ แต่นั่นก็เป็นเพราะว่าตำแหน่งที่ผมกำลังเล่นอยู่ในช่วงเวลานี้"
"ผมไม่ใช่ปีกขวา ผมก็เลยเล่นตามแบบของผมเอง ดังนั้น นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงยิงประตูได้จากตำแหน่งนั้น ฤดูกาลที่แล้วผมยิงได้ 13 ลูกในลีก แต่ฤดูกาลนี้ผมเพิ่งจะยิงได้ 3 ลูกเท่านั้น แถมตอนนี้ผมยังยิงในยุโรปไปได้ 6 ลูกแล้วอีกต่างหาก ดังนั้น ผมก็เลยมีความสุขมากๆ กับเรื่องนั้น และผมก็แค่ต้องการจะทำอย่างนั้นต่อไปเรื่อยๆ ผมตั้งเป้าที่จะยิงให้ได้ เพื่อให้ผมได้มีส่วนร่วมกับเกมสำคัญๆ และประสบความสำเร็จเพื่อสโมสร"
อย่างไรก็ตาม เค้าท์ ชี้ว่า "หงส์แดง" ยังมีงานหนักให้ต้องทำอีกมากในนัด 2 วันอังคารที่ 8 เม.ย.นี้ ที่สนาม แอนฟิลด์ เพราะการที่ "ไอ้ปืนใหญ่" บุกไปควักชัยชนะกลับมาได้จากถิ่น ซาน ซิโร่ ของ เอซี มิลาน แชมป์เก่าฤดูกาลที่แล้ว ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ถือเป็นข้อพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี
"มันจะสูสีกันอย่างแท้จริง แต่นั่นก็คือเหตุผลที่ว่าทำไม แชมเปี้ยนส์ ลีก ถึงพิเศษมากๆ คุณไม่รู้หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป แต่เราต้องไม่ลืมว่า เอซี มิลาน ก็เคยได้ผลการแข่งขันที่ดีจากรัง อาร์เซน่อล ด้วยการเสมอ 0-0 แต่แล้วพวกเขาก็ต้องไปแพ้ 0-2 ที่ ซาน ซิโร่ ดังนั้น เราจึงต้องระมัดระวังกันให้ดีๆ แต่เราก็ทำได้อย่างที่เราต้องทำ เราทำทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจได้ว่าเราจะไม่แพ้ และเราก็ทำประตูได้อีกต่างหาก ดังนั้น เราจึงพอใจกับส่วนแรกของงานชิ้นนี้ เรามีศักยภาพพอที่จะชนะได้ทุกนัด และเราก็มั่นใจ แต่เราก็รู้ดีว่ามันจะเป็นงานที่ยากลำบาก แต่ผลเสมอ 1-1 ย่อมเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีอยู่แล้ว" อดีตศูนย์หน้า เฟเยนูร์ด ทิ้งท้าย

วันศุกร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2551

อาร์เซนอล 1 - ลิเวอร์พูล 1











ภาพเมื่อ อาร์เซนอล 1 - ลิเวอร์พูล 1

มาสเคออกปากขอโทษหลังโดนแบนยาว


ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ มิดฟิลด์ ลิเวอร์พูล ออกปากขอโทษทุกคน พร้อมรับเสียใจกับการกระทำของตัวเอง หลังต่อปากต่อคำผู้ตัดสินจนถูกไล่ออกในเกมพ่าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-3 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และโดนลงโทษแบนยาว 3 นัดเลยทีเดียว ชี้เป็นบทเรียนครั้งสำคัญ และให้คำมั่นว่าจะไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคต
ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ กองกลาง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก ออกมากล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ 4 เมษายน ที่ผ่านมา ว่า เขาอยากขอโทษทุกคน และรู้สึกเสียใจกับการกระทำของตัวเอง หลังจากที่ต่อปากต่อคำกับผู้ตัดสิน สตีฟ เบนเน็ตต์ จนถูกไล่ออกจากสนามในเกมแดงเดือดที่ต้นสังกัดบุกพ่าย "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-3 ที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
มาสเคราโน่ ถูกสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) ลงโทษแบนทั้งสิ้น 3 นัด และถูกปรับเงิน 15,000 ปอนด์ (975,000 บาท) โทษฐานที่แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมจากการที่ไม่ยอมออกจากสนามแต่โดยดี หลังจากที่ถูกใบแดง ทำให้เขาต้องพลาดลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล ในเกมพรีเมียร์ลีก นัดเยือน "ไอ้ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล วันเสาร์นี้ รวมทั้งเกมฟาดแข้งกับ "กุหลาบไฟ" แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ในสัปดาห์หน้า หลังจากที่ชดใช้โทษแบนไปแล้ว 1 นัดในเกมกับ "ทอฟฟี่" เอฟเวอร์ตัน อย่างไรก็ตาม ล่าสุดดาวเตะทีมชาติอาร์เจนตินา ได้ออกมากล่าวขอโทษกับทุกคนแล้ว
"ผมอยากขอโทษทุกคน ผมทำผิดและเสียใจกับการกระทำนี้ มันเป็นความผิดของผม ผมไม่ใช่นักเตะสกปรก ผมไม่ได้แสดงความไม่เคารพต่อผู้ตัดสินเป็นประจำ ผมไม่ใช่คนแบบนั้น ผมคิดว่ามันเป็นเพราะความกดดันอย่างหนักในเกมกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ส่งผลให้ผมแสดงพฤติกรรมอย่างในวันนั้น มันไม่ใช่บุคลิกของผม แต่ผมก็ไม่อยากใช้เป็นข้ออ้าง"
"มันเป็นสิ่งเลวร้ายเมื่อคุณทำให้เพื่อนร่วมทีมผิดหวังและทิ้งพวกเขาให้เล่น 10 คน โดยเฉพาะในเกมกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พวกเขาให้การสนับสนุนเต็มที่ และรวมทั้งแฟนบอล ลิเวอร์พูล แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความเจ็บปวดหายไป เมื่อมองย้อนกลับมายังเกมนั้น ผมประพฤติตัวไม่เหมาะสมกับผู้ตัดสิน ผมเดินเข้าไปพูดกับเขา แต่ผมเข้าใจว่ามันไม่ใช่ความคิดที่ดี"
"ผมแสดงท่าทางที่แย่มากเมื่อถูกใบแดง เพราะผมไม่เชื่อว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับผม ผมต้องเรียนรู้ แต่ก็ต้องก้าวต่อไปและลืมสิ่งที่เกิดขึ้น ผมหวังว่าผู้คนจะรู้ว่าผมพยายามเล่นแบบแฟร์ๆ และไม่คิดที่จะแสดงความก้าวร้าว ผมต้องมีสมาธิกับเกมและมุ่งมั่นกับแชมเปี้ยนส์ ลีก เรามีความสุขกับผลการแข่งขันที่ดีกับ อาร์เซน่อล และผมก็เฝ้ารอเกมนัดที่ 2"
"มันเป็นช่วงเวลาที่ผมต้องก้าวต่อไป แต่ก็ต้องไม่ลืมบทเรียนจากอดีตและแมตช์กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นอกสนามมันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับผม สถิติด้านระเบียบวินัยของผมดีมาตลอดจนถึงตอนนี้ แต่ผมก็ต้องแสดงสิ่งนั้นออกมาอีกครั้ง ผมพยายามให้ความเคารพกับคำตัดสินของผู้ตัดสินและนี่คือสิ่งสำคัญ" มาสเคราโน่ กล่าว