วันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2551

ศึกแดงเดือดผีฟอร์มหรู! ไล่ต้อนหงส์10ตัวยับ3-0


ศึกแดงเดือดผีฟอร์มหรู! ไล่ต้อนหงส์10ตัวยับ3-0
"ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โชว์ฟอร์มสุดเฉียบ หลังเปิดรัง โอลด์ แทร๊ฟฟอร์ด ทำศึก "วันแดงเดือด" กับคู่อริ ลิเวอร์พูล ก่อนเป็นฝ่ายไล่ถล่มทีม "หงส์แดง" ไปแบบขาดลอย 3-0 เวส บราวน์,คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ หลุยส์ นานี่ แบ่งซัดคนละตุง ขณะที่ ฮาเบียร์ มาสเคราโน่ ของทีมเยือน โดนไล่ออกตั้งแต่ท้ายครึ่งแรก
แมนฯยูไนเต็ด 3 - ลิเวอร์พูล 0
"ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดรัง โอลด์ แทร๊ฟฟอร์ด ทำศึก "วันแดงเดือด" กับ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล งานนี้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ส่งผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนามโดยมี เวย์น รูนี่ย์ ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า ขณะที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้, พอล สโคลส์, ไรอัน กิ๊กส์, ไมเคิ่ล คาร์ริก และ อันแดร์สัน อยู่กันครบ ขณะที่ คาร์ลอส เตเวซ นั่งสำรอง
ฝั่งทีมเยือนก็สมบูรณ์เช่นกันนำมาโดย เฟร์นานโด ตอร์เรส ที่กำลังร้อนแรงมี ไรอัล เบเบิ้ล กับ เดิร์ค เค้าท์ อยู่ในแนวรุกด้วย
ออกสตาร์ต 6 นาที แมนฯยูไนเต็ด ได้ลุ้นก่อนเมื่อ อันแดร์สัน จ่ายทะลุให้ เวย์น รูนี่ย์ หลุดเข้าไปยิงในเขต แต่เสียหลักนิดหน่อยเพราะมี เจมี่ คาร์ราเกอร์ บี้อยู่ทำให้ รูนี่ย์ ยิงไปติดเซฟของ โฆเซ่ เรน่า
หลังจากนั้น 7 นาที ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นบ้างเมื่อ อัลวาโร่ อาร์เบลัว หลุดไปทางซ้ายสวยเหลือเกิน แต่กึ่งยิงกึ่งผ่านไม่ดีเอาซะเลย บอลผ่านหน้าประตูไปแบบน่าเสียดาย โดยก่อนหน้านั้น ฮาเบียร์ มาสเคราโน่ รับใบเหลืองเป็นคนแรกจากการไม่ยอมรับการตัดสินของ สตีฟ เบนเนตต์
ผ่านไปถึงกลางครึ่งแรก แมนฯยูไนเต็ด น่าได้เหลือเกินเมื่อได้ฟรีคิกทางขวา ไรอัน กิ๊กส์ โยนเข้าไปที่เสาสอง มี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่หลุดไปยิงเผาขน บอลชนเสากระดอนออกไปน่าเสียดาย
หงส์แดง ก็ได้ลุ้น น.26 เมื่อ สตีเว่น เจอร์ราร์ด สับไกจากระยะ 25 หลาแฉลบหลังผู้เล่น แมนฯยูไนเต็ด ข้ามคานแบบสุดเสียว
แล้วก็เป็นเจ้าถิ่นที่ทำประตูขึ้นนำ น.34 จาก เวย์น รูนี่ย์ ที่โยนบอลทางซ้ายให้ เวส บราวน์ กระโดดเช้าชาร์จโดนหลังในกรอบ 6 หลาบอลสวนทาง เรน่า เข้าประตูไป แมนฯยูไนเต็ด นำ 1-0
ก่อนหมดครึ่งแรก 5 นาที แมนฯยูฯ เกือบได้อีก เมื่อ รูนี่ย์ ได้โหม่งกดลงพื้นไม่ถึง 10 หลา แต่ตรงตัวของ เรน่า จากนั้นไม่นาน เรน่า ขว้างบอลไม่ดูตาม้าตาเรือโดน อันแเดร์สัน ตัดได้แล้วยิงสวน 35 หลาโด่งข้ามคานออกไป
ก่อนหมดเวลานาทีเดียว ลิเวอร์พูล ต้องเหลือ 10 คนเมื่อ ฮาเบียร์ มาสเคราโน่ อารมณ์เสียวิ่งเข้าไปต่อว่าต่อขาน สตีฟ เบนเนตต์ จึงทำให้โดนชักใบเหลืองที่ 2 กลายเป็นใบแดงไล่ออกจากสนามแบบไม่น่าโดน หมดครึ่งแรก แมนฯยูไนเต็ด นำ 1-0
ครึ่งหลังทั้งสองทีมไม่มีการเปลี่ยนตัวผู้เล่น เริ่มเขี่ยบอลได้นาทีเดียว แมนฯยูฯ เกือบได้เม็ดที่ 2 เมื่อ โรนัลโด้ หลุดไปกระดกบอลในเขตโทษ แต่ติดเซฟของ เรน่า ซะก่อน น.53 แมนฯยูไนเต็ด ได้ฟรีคิกทางซ้าย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ วิ่งเข้าไปอัดด้วยขวา บอลผ่านกำแพงและถากเสาออกไปน่าเสียดาย
แมนฯยูไนเต็ด พลาดโอกาสทองเมื่อ รูนี่ย์ หลุดไปดูดบอลในเขตโทษก่อนจะยิงเหน่งๆ แต่ไปติดเซฟของ โฆเซ่ เรน่า ซะได้
ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นตีเสมอ น.71 จากลูกยิงไกลตามสไตล์ของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ทว่าบอลก็หลุดกรอบออกไปหลายหลา จากนั้นไม่นาน แมนฯยูฯ ได้ลุ้นจาก รูนี่ย์ ที่จ่ายให้ อันแดร์สัน ยิง 30 หลาโด่งออกไปไกล ถึงตรงนี้ แมนฯยูฯ เปลี่ยน 2 คนโดยเอา อันแดร์สัน กับ ไรอัน กิ๊กส์ ออก แล้วส่ง คาร์ลอส เตเวซ กับ หลุยส์ นานี่ ลงไป
คาร์ลอส เตเวซ ลงไปไม่กี่วินาทีโดนบอลครั้งแรกก็ได้ยิงเลย จากระยะไม่ถึง 10 หลา แต่ เรน่า โชว์ซูเปอร์เซฟป้องกันได้อีกเช่นเคย
ก่อนหมดเวลา 11 นาทีเจ้าถิ่นก็ได้ประตูที่ 2 จนได้เมื่อได้เตะมุม คาร์ริก โยนเข้าไปให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ โหม่งเผาขนเข้าประตูไป แมนฯยูไนเต็ด นำ 2-0
จากนั้นอีก 2 นาทีสกอร์ก็ไหลอีก รูนี่ย์ จ่ายเข้าช่องให้ หลุยส์ นานี่ แตะหนึ่งจังหวะแล้วยิงจากนอกเขตทันที แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นำ 3-0
แมนฯยูไนเต็ด ครองเกมเอาไว้ได้หมด ครบ 90 นาทีจึงเป็นฝ่ายเอาชนะ ลิเวอร์พูล ไปสบายๆ 3-0 เก็บ 3 คะแนนเต็มนำเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกต่อไป
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
แมนฯยูไนเต็ด : เอ๊ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์, เวส บราวน์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมานย่า วิดิช, ปาทริซ เอวร่า, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, พอล สโคลส์, ไมเคิ่ล คาร์ริกส์, โอลิเวร่า อันแดร์สัน (คาร์ลอส เตเวซ น.73), ไรอัน กิ๊กส์ (หลุยส์ นานี่ น.73), เวย์น รูนี่ย์
สำรองไม่ได้ใช้ : โทมัส คูซแซ็ค, โอเว่น ฮาร์กรีฟส์, จอห์น โอเชีย
ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ มานูเอล เรน่า, อัลวาโร่ อาร์เบลัว, เจมี่ คาร์ราเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, ฟาบิโอ ออเรลิโอ, ฮาเบียร์ มาสเคราโน่, ชาบี อลอนโซ่, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, เคิร์ก เค้าท์, ไรอัน เบเบิ้ล (ยอสซี่ เบนายูน น.66), เฟร์นานโด ตอร์เรส (ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ น.83)
สำรองไม่ได้ใช้ : ชาร์ลส์ อิต็องเช่, ซามี่ ฮูเปีย, ปีเตอร์ เคร้าช์
ผู้ตัดสิน : สตีฟ เบนเนตต์

ลือหงส์พร้อมทุ่ม780ล. กระชากเบนท์ลี่ย์เข้ารัง


ลือหงส์พร้อมทุ่ม780ล. กระชากเบนท์ลี่ย์เข้ารัง
ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือ ลิเวอร์พูล ตกเป็นข่าวสนคว้า เดวิด เบนท์ลี่ย์ ปีกตัวเก่ง แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส เสริมทัพ โดยเตรียมยื่นข้อเสนอ 780 ล้านบาท พร้อมแถม เจอร์เมน เพนแนนท์ เข้าไปในส่วนหนึ่งสัญญา
ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก ตกเป็นข่าวว่าต้องการที่จะคว้าตัว เดวิด เบนท์ลี่ย์ ปีกตัวเก่ง "กุหลาบไฟ" แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส มาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ จากการรายงานเมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม ที่ผ่านมา
ลิเวอร์พูล พร้อมยื่นข้อเสนอจำนวน 12 ล้านปอนด์ (780 ล้านบาท) เพื่อคว้าตัวดาวเตะวัย 23 ปี แต่คาดว่าจะต้องแย่งกับ "ตราหมี" แอตเลติโก มาดริด สโมสรจากศึกลา ลีกา สเปน ที่ต้องการได้ตัวไปร่วมทีมด้วยเช่นกัน
เบนท์ลี่ย์ ต้องการลงเล่นในเกมสโมสรยุโรป และจากการที่ ลิเวอร์พูล มีแนวโน้มที่จะได้ไปเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า ทำให้ดาวเตะทีมชาติอังกฤษ อาจตัดสินใจอำลาถิ่นอีวู้ด พาร์ค ในช่วงจบฤดูกาลนี้
อดีตดาวเตะ อาร์เซน่อล ยังไม่สามารถตกลงสัญญาฉบับใหม่กับ แบล็คเบิร์น ได้ แม้ว่าปัจจุบันยังเหลือสัญญากับต้นสังกัดอีก 2 ปีก็ตาม โดย "กุหลาบไฟ" พร้อมยื่นค่าเหนื่อยสัปดาห์ละ 30,000 ปอนด์ (1.95 ล้านบาท) แต่คาดว่าเขาจะได้รับมากกว่านี้เป็นเท่าตัวที่แอนฟิลด์
มีการคาดหมายว่า เจอร์เมน เพนแนนท์ ปีกขวา ลิเวอร์พูล จะถูกรวมอยู่ในส่วนหนึ่งของสัญญาการซื้อตัว เบนท์ลี่ย์ ขณะที่ ฟาบิโอ คาเปลโล่ ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ ก็แนะว่า สตาร์ แบล็คเบิร์น จะพัฒนามากกว่านี้ หากมีโอกาสได้เล่นในเกมยุโรปอย่างสม่ำเสมอ

ประวัติสโมสรลิเวอร์พูล


สโมสรลิเวอร์พูลก่อตั้งขึ้นเมื่อ 15 มีนาคม1892 จากการแยกตัวออกไปของสโมสรเอฟเวอร์ตันเหตุจากความขัดแย้งเรื่องค่าเช่าสนาม ทำให้สโมสรเอฟเวอร์ตันต้องย้ายออกจากถิ่นแอนฟิลด์ จอห์น โฮลดิ้ง เจ้าของสนาม จึงได้ร่วมมือกับ วิลเลียม อี บาร์เคลย์ และแฟนบอลกลุ่มหนึ่งออกมาตั้งทีมฟุตบอลใหม่กันเอง โดยได้ตั้งชื่อตามชื่อเมืองในปี 1894 และใช้สีแดงซึ่งเป็นสีประจำเมืองเป็นสีของเสื้อทีมเหย้า ในปี 1901 มีการเพิ่มสัญลักษณ์นกลิเวอร์เบิร์ดบนหน้าอกเสื้อทีมวิลเลียม อี บาร์เคลย์ คือผู้จัดการทีมคนแรกของสโมสร จอห์น แม็คเคนน่า รับหน้าที่เป็นประธานสโมสรและเป็นบุคคลซึ่งอยู่เบื้องหลังความสำเร็จในระยะแรกๆของทีม ลิเวอร์พูล ลงแข่งขันครั้งแรกใน แลงคาเชียร์ ลีก หรือลีกท้องถิ่น การแข่งขันอย่างเป็นทางการนัดแรกของลิเวอร์พูลเป็นเกมในบ้านพบกับไฮเออร์ วอลตัน เมื่อวันที่ 3 กันยายน 1892 ลิเวอร์พูลเอาชนะไปได้ 8-0 มันเป็นการเริ่มต้นที่สุดวิเศษและลิเวอร์พูลก็ผงาดคว้าแชมป์แลงคาเชียร์ ลีกไปครองอย่างง่ายดาย และนี่คือผลงานที่น่าเหลือเชื่อสำหรับทีมที่ก่อตั้งขึ้นมายังไม่ถึงหนึ่งปี ก่อนก้าวขึ้นสู่ดิวิชั่น2 และ ดิวิชั่น1 ตามลำดับปี 1896 ถือเป็นปีแห่งการเริ่มต้นความสำเร็จ เมื่อ ทอมมี่ วัตสัน เข้ามารับหน้าที่เป็นผู้จัดการคุมทีม สิ่งที่เขาทำให้กับสโมสรนี้มีค่ามากมายเหลือเกิน แซม เรย์โบลด์ กองหน้าจอมถล่มประตู และ ราอิสเบ็ค กองหลังจอมแกร่ง คือคีย์แมนที่ทำให้ทีมลิเวอร์พูลประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ดิวิชั่น1 สมัยแรกมาประดับสโมสรในปี 1901 โดยใช้ระยะเวลาเพียงแค่แปดปีหลังจากเข้าร่วมแข่งขันในฟุตบอลลีกสูงสุดของประเทศ หลังจากนั้นลิเวอร์พูลก็สามารถคว้าแชมป์ลีกมาครองได้อีกสมัย ในปี 1906 และนับเป็นถ้วยรางวัลสุดท้ายในยุคของ กุนซือ ทอมมี่ วัตสันปี 1920 เดวิด แอชเวิร์ธ คือผู้จัดการทีมรายที่สองที่เข้ามาคุมทีม และเพียงแค่ปีเดียวภายใต้การนำของ แอชเวิร์ธ ทีมก็คว้าแชมป์ดิวิชั่น1 ได้ในปี 1921 ทีมในชุดนี้เน้นไปที่แผงหลังอันแข็งแกร่ง ประกอบด้วย ผู้รักษาประตูทีมชาติไอร์แลนด์ เอลิชา สก็อตต์ กองหลัง อีเพลม ลองวอร์ธ ,ทอม ลูคัส และ ดอน แม็คกินเลย์ สองฟูลแบ็ค แฮร์รี่ แชมเบอร์ ดาวซัลโวประจำทีมด้วยจำนวน 19 ประตู และคู่ขาในแดนหน้า ดิ๊ก ฟอร์ชอว์ ซึ่งยิงไป 17 ประตู เดวิด แอชเวิร์ธ วางมือจากการคุมทีมในปี 1922ปี 1923 แม็ตต์ แม็คควีน อดีตนักเตะยุคเริ่มก่อตั้งสโมสรลิเวอร์พูลในปี 1892 โดยสมัยค้าแข้งเจ้าตัวลงเล่นให้สโมสรถึง 150 เกมเลยทีเดียว แม็คควีน เข้ามารับงานต่อจากกุนซือคนก่อน เดวิด แอชเวิร์ธ ในช่วงปลายของฤดูกาล 1922-23 ซึ่งขณะนั้นทีมมีคะแนนนำเป็นจ่าฝูง แม็คควีน พาทีมจบฤดูกาลด้วยการป้องกันแชมป์ไว้ได้อีกสมัย ทีมลิเวอร์พูลมีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมเรื่อยมา ไล่ตั้งแต่ปี 1928-36 จอร์จ เพ็ตเตอร์สัน ,1936 จอร์จ เคย์ และก็เป็นกุนซือ เคย์ ที่พาทีมประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์ดิวิชั่น1 ได้เป็นสมัยที่ 5 ของสโมสรในปี 1946 จอร์จ เคย์ เป็นผู้จัดการทีมที่พาทีมเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลเอฟเอ คัพ ในปี 1950 กับ อาร์เซน่อล ที่สนามเวมบลีย์ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของสโมสรที่มีโอกาสได้ลงเล่นที่สนามเวมบลีย์ทีมชุดนั้นประกอบด้วย ไซริล ซิดโลว์,เรย์ แลมเบิร์ท,เอ็ดดี้ สไปเซอร์,ฟิล เทย์เลอร์ (กัปตันทีม),บิลล์ โจนส์,ลอวลี่ ฮิวจ์ส,จิมมี่ เพย์น,เบรอน,อัลเบิร์ต สตั๊บบินส์,โจ เฟแกน,บิลลี่ ลิดเดลล์ แม้จะเป็นครั้งแรกที่ได้ลงเล่นที่เวมบลีย์ ท่ามกลางแฟนบอล 100,000 คน แต่ผลการแข่งขันกลับไม่เป็นใจ ทีมหงส์แดงกลับต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ต่อ อาร์เซน่อล ไป 2-0 ทำให้ทำได้แค่ตำแหน่งรองแชมป์ และนั่นคือผลงานชิ้นสุดท้ายของ จอร์จ เคย์ดอน เวลช์ คือกุนซือที่เข้ามารับตำแหน่งแทน จอร์จ เคย์ ที่มีปัญหาทางด้านสุขภาพ แต่ผลงานกลับเลวร้ายลงอย่างไม่คาดคิด ทีมต้องตกชั้นไปเล่นในดิวิชั่น 2 ในปี 1954 ดอน เวลช์ พยายามที่จะพาทีมกลับขึ้นสู่ดิวิชั่น1 ในฤดูกาลต่อมา แต่ก็ไม่สามารถทำได้ จนทีมต้องสั่งปลด และนับเป็นครั้งแรกของสโมสรที่มีการไล่ผู้จัดการทีมออกจากตำแหน่ง ฟิล เทย์เลอร์ อดีตนักเตะกัปตันทีมลิเวอร์พูลชุดคว้าแชมป์ลีกปี 1946 เข้ามารับหน้าที่กู้้วิกฤิตให้กับทีม แต่ก็ต้องผิดหวังเนื่องจากไม่สามารถพาทีมกลับขึ่นสู่ดิวิชั่น1 ได้ทำให้ เทย์เลอร์ ตัดสินใจอำลาทีมวันที่ 1 ธันวาคม 1959 คือวันที่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ของสโมสร ด้วยการประกาศแต่งตั้ง บิล แชงคลีย์ อดีตกุนซือของฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์เข้ามารับหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ บิล แชงคลีย์ จัดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในสโมสร สนามซ้อมเมลวู๊ด ถูกซ่อมแซมปรับปรุงพื้นหญ้าใหม่ นำวิธีการฝึกซ้อมใหม่ๆมาสู่ทีม และเป็นคนเลือก11นักเตะลงสู่สนามเอง เขาจัดการโละนักเตะออกไปหลายคนและจากนั้นเขาก็ได้นำนักเตะที่มีแนวคิดที่ตรงกันในเกมเข้ามาสู่ทีม โรเจอร์ ฮันท์ ดาวยิงซึ่งปัจจุบันเป็นเจ้าของดาวยิงตลอดกาลของสโมสรก็เป็นผลงานการคว้าตัวของ บิล แชงคลีย์เพียงแค่ 3 ปี ลิเวอร์พูลก็กลับคืนสู่ดิวิชั่น1 ได้อีกครั้งในฤดูกาล 1961-62 และนับเป็นการคืนสู่ดิวิชั่น1 ที่มั่นคงกว่าครั้งก่อนๆ บิล แชงคลีย์ พาทีมคว้าแชมป์ดิวิชั่น1 ได้เป็นสมัยที่6ของสโมสรในฤดูกาล 1963-64 ถัดจากนั้นอีกเพียงแค่ปีเดียว แชงคลีย์ พาทีมหวนคืนสู่สนามเวมบลีย์อีกครั้งในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลเอฟเอ คัพ โดยพบกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด แต่ในเวลา 90 นาที ทั้งสองทีมยังทำอะไรกันไม่ได้ ทำให้ต้องลงเล่นในช่วงต่อเวลา ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบชิงชนะเลิศบอลถ้วยที่ต้องมีการต่อเวลานับตั้งแต่ปี 1947 ช่วงต่อเวลาพิเศษ โรเจอร์ ฮันท์ โขกให้ทีมออกนำ ก่อนมาถูกลีดส์ ตีเสมอจากการยิงของ บิลลี่ เบรมเนอร์ หงส์แดงมาได้ประตูชัยจาก เอียน เซนต์จอห์น ที่ได้โขกจ่อๆให้ทีมชนะไปในที่สุด 2-1 คว้าถ้วยแชมป์เอฟเอ คัพ กลับสู่เมืองลิเวอร์พูล ซึ่งต้องรอคอยมายาวนานถึง 73 ปี ปี1966 แฟนบอลลิเวอร์พูลนำเพลง You'll Never Walk Alone มาร้องในสนามซึ่งเหมือนเป็นแรงพลักดันได้เป็นอย่างดีฤดูกาล 1972-73 ลิเวอร์พูลสร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งด้วยการเป็นทีมจากอังกฤษทีมแรกที่สามารถคว้าถ้วยสโมสรยุโรปมาครองได้ในรายการของ ยูฟ่า คัพ ด้วยการเอาชนะ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ไปด้วยสกอร์รวมสองนัด 3-2 พร้อมจบฤดูกาลด้วยตำแหน่งดับเบิ้ลแชมป์ โดยก่อนหน้านี้คว้าแชมป์ลีกมาครองได้แล้ว ฤดูกาลต่อมาลิเวอร์พูลก้าวเท้าเข้าสู่สนามเวมบลีย์ พร้อมผงาดคว้าแชมป์เอฟเอคัพ ด้วยการชนะ ได้อีกสมัยหลังจบฤดูกาลแฟนบอลลิเวอร์พูลก็ต้องช็อคกันทั้งเมืองเมื่อ บิล แชงคลีย์ ประกาศวางมือจาการคุมทีมบิล แชงคลีย์ นำความสำเร็จมาสู่สโมสรอย่างมากมายตลอดระยะเวลา 10 ปีที่เจ้าตัวคุมทีม จนทำให้สังเวียนแอนฟิลด์กลายเป็นสังเวียนแข้งที่น่ากลัวสำหรับทุกทีมที่มาเยือน แชงคลีย์ นำนักเตะที่มีความสามารถมาสู่ทีมมากมายไล่ตั้งแต่ยุคแรกๆอย่าง เอียน เซนต์จอห์น,รอน เยตส์,เอมลีน ฮิวจ์ส และคนที่ถือว่าเป็นการคว้าเพชรเม็ดงามมาสู่ทีมก็คือคู่หูจอมถล่มประตู เควิน คีแกน และ จอห์น โตแช๊ค สโมสรได้แต่งตั้ง บ็อบ เพสลีย์ อดีตนักเตะของสโมสรและยังเป็นมือขวาของ บิล แชงคลีย์ ขึ้นมาคุมทีมในฤดูกาล 1974 เพสลีย์ ยังคงใช้ห้องเก็บรองเท้าหรือที่เรียกกันว่า "บูธรูม" เป็นสถานที่สำหรับพูดคุยและวางแผนในการลงเล่นแต่ละนัด นักเตะในทีมอย่าง เควิน คีแกน เริ่มอิ่มตัวกับฟุตบอลอังกฤษจึงย้ายไปเล่นในเยอรมันกับฮัมบูร์ก เพสลีย์ จึงหันไปคว้าตัว เคนนี่ ดัลกลิช กองหน้าจาก เซลติก มาสู่ทีม ไม่นานนัก แกรม ซูเนสส์ นักเตะสกอตแลนด์อีกคนก็ย้ายมาสู่ทีม เมื่อบวกกับนักเตะเก่าในทีมอย่าง ฟิล ธอมป์สัน,เทอร์รี่ แม็คเดอร์ม็อด,เรย์ คลีเมนซ์,อลัน เคนเนดี้ ทีมชุดนี้จึงแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมากปี 1981 เพสลีย์ ยังคงนำนักเตะฝีเท้าดีเข้ามาสู่ทีมอย่างต่อเนื่อง บรูซ กร็อบเบลล่า,เอียน รัช,รอนนี่ วีแลน,เคล็ก จอห์นสตัน ทั้งหมดคือคีย์แมนในยุคของ บ็อบ เพสลีย์ ทำให้สโมสรลิเวอร์พูลรุ่งเรืองสุดขีดในช่วงที่เจ้าตัวคุมทีม พาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุด 6สมัย, แชมป์ยูโรเปี้ยนคัพ (ปัจจุบันคือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก) 3สมัย, ยูฟ่า คัพ 1สมัย, ลีก คัพ 3สมัย, ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์คัพ 1สมัย และแชมป์ แชริตี้ ชิลด์ อีก 5 สมัย รวมแล้ว 19 รางวัลตลอดระยเวลาเพียงแค่ 9 ปี ชื่อของ ลิเวอร์พูล กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก แต่แล้วก็ถึงเวลาเมือ บ็อบ เพสลีย์ ประกาศวางมือไปอีกคนโจ เฟแกน หนึ่งในผลผลิตจาก "บูธรูม" อีกคนก้าวขึ้นคุมทีมในปี 1983 ดูเหมือนงานคุมทีมในสโมสรจะมีรากฐานที่แน่นมาตั้งแต่สมัยของ บิล แชงคลีย์ เพราะสโมสรยังคงทำผลงานได้ดีเรื่อยมาคว้าแชมป์ลีกครั้งที่15ของสโมสรในฤดูกาล 1983-84 เท่านั้นยังไม่พอเมื่อพลพรรคหงส์แดงได้เข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลลีกคัพ โดยเป็นการพบกับคู่ปรับร่วมเมือง เอฟเวอร์ตัน ซึ่งถือเป็นเมอร์ซี่ไซด์ดาร์บี้แมตช์นัดชิงครั้งแรกของทั้งสองทีม ผลจบลงด้วยการเสมอกันในนัดแรกต้องไปเตะกันใหม่ที่สนามของแมนฯซิตี้ โดย แกรม ซูเนสส์ เป็นผู้ยิงประตูชัยให้กับทีมเอาชนะไป 1-0 พร้อมพาทีมคว้าแชมป์ลีกคัพ 3 สมัยติดลิเวอร์พูลเดินหน้าคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ต่อด้วยการคว้าแชมป์ยุโรปได้เป็นสมัยที่ 4 ของสโมสรด้วยการยิงจุดโทษชนะ โรม่า ถึงกรุงโรม และนั่นเป็นครั้งแรกของสโมสรที่สามารถคว้าทริปเปิ้ลแชมป์มาครองได้ หลังจบฤดูกาล แกรม ซูเนสส์ ย้ายไปเล่นให้กับ ซามพ์โดเรีย กำลังหลักของทีมหลายคนเริ่มออกจากทีม ทำให้ผลงานในลีกไม่ดี ทุกคนจึงพุ่งเป้าไปที่แชมป์ยุโรปสมัยที่ 5 แทนวันที่ 29 พฤษภาคม ปี 1985 ลิเวอร์พูล พบกับ ยูเวนตุส ในรอบชิงชนะเลิศยูโรเปี้ยน คัพ ที่กรุงบรัสเซลล์ บรรยากาศในสนามเริ่มรุนแรงขึ้นหนึ่งชั่วโมงก่อนเกมเริ่ม แฟนบอลทั้งสองฝั่งมีปากเสียงกันผ่านที่กั้นซึ่งทำด้วยลูกกรง และหลังจากที่มีการขว้างปาสิ่งของ แฟนลิเวอร์พูลบางคนเริ่มวิ่งเข้าใส่แฟนบอลของยูเวนตุส ความสับสนอลหม่านก็เกิดขึ้น แฟนบอลยูเวนตุสพยายามหนี พวกเขาปีนขึ้นไปบนกำแพง และหลังจากนั้นแฟนบอล 39 คนเสียชีวิตจากการพลัดตกลงมา และกลายเป็นโศกนาฏกรรมเฮย์เซล ผลการแข่งขันลิเวอร์พูล พ่ายไป 0-1จากลูกจุดโทษของ มิเชล พลาตินี่ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลักหลังโศกนาฏกรรมที่เฮย์เซล โจ เฟแกน ประกาศลงจากตำแหน่งผู้จัดการทีม นี่ถือเป็นฝันร้ายในการสิ้นสุดอาชีพที่รุ่งเรืองกับทีมหงส์แดงเลยก็ว่าได้ เคนนี่ ดัลกลิช ขึ้นคุมทีมแทนในตำแหน่งผู้เล่นและผู้จัดการทีมควบคู่กัน ลิเวอร์พูลเริ่มต้นฤดูกาล 1985-86 ด้วยความโศกเศร้า เหตุการณ์ที่เฮย์เซลเมื่อสี่เดือนก่อนยังไม่จางไปจากแอนฟิลด์แต่นักเตะทุกคนยังทำผลงานในลีกได้ดีพาทีมหงส์แดงเอาชนะแชมป์เก่าอย่างเอฟเวอร์ตัน ครองแชมป์ลีกได้เป็นสมัยที่ 16 พร้อมทั้งคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้อีกจากการเอาชนะ เอฟเวอร์ตัน ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลเอฟเอ คัพ ไป 3-1 แต่สโมสรก็ถูกยูฟ่าสั่งแบนจากการแข่งขันในเวทียุโรปปี1986-87 เอียน รัช อำลาทีมย้ายสู่สโมสรยูเวนตุสในอิตาลี สภาพของทีมดูย่ำแย่ลงนักเตะในทีมเริ่มมีแต่ดาวรุ่งตัวเก่าๆก็เริ่มที่จะโรยราลง ทำให้ทีมไม่สามารถรักษาแชมป์เอาไว้ได้ ปี1987-88 ดัลกลิช เปลี่ยนนักเตะแบบยกชุดด้วยการหันไปคว้านักเตะอย่าง จอห์น อัลดริดจ์,จอห์น บารนส์, ปีเตอร์ เบียร์ดสลี่ย์,เรย์ เฮาจ์ตัน มาสู่ทีมบวกกับนักเตะจากทีมสำรองที่ถูดันขึ้นมาเล่นชุดใหญ่อย่าง สตีฟ แม็คมาน ทำให้ทีมลงตัวจนสามารถคว้าแชมป์มาครองได้ในที่สุด หลังจบฤดูกาล เอียน รัช ย้ายกลับสู่แอนฟิลด์อีกครั้ง15 เมษายน 1989 เกมตัดเชือกเอฟเอคัพ กับ น็อตติ้งแฮมฟอเรสต์ ที่ฮิลส์โบโร่ สนามของ เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ แฟนบอลลิเวอร์พูล 96คนเสียชีวิตจากเหตุการณ์เบียดเสียดกันตายจนกลายเป็นโศกนาฏกรรมครั้งที่สอง เหตุการณ์ที่ฮิลส์โบโร่ห์มีผลกระทบต่อความรู้สึกของบรรดาเดอะ ค็อปมาก แต่สิ่งที่ได้รับจากกองเชียร์ นักเตะและสโมสร แสดงให้เห็นว่าทำไมพวกเขาทุกคนจึงรักสโมสรแห่งนี้ และแน่นอนแฟนบอลหงส์แดง 96 คนจะอยู่ในความทรงจำของพวกเราตลอดไป ลิเวอร์พูลจบฤดูกาลด้วยแชมป์ลีกสมัยที่ 18 ซึ่งถือว่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์จนถึงทุกวันนี้เคนนี่ ดัลกลิช ประกาศลาออกในปี 1991 ทำให้สโมสรเรียกตัว แกรม ซูเนสส์ กลับมาสู่ทีมในฐานะผู้จัดการทีมคนใหม่ ซูเนสส์ หันไปหานักเตะรุ่นใหม่ๆหมดไล่ตั้งแต่ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์,สตีฟ แม็คมานามาน,เจมี่ เร็ดแนป์,ร็อบ โจนส์,เดวิด เจมส์ แต่น่าเสียดายที่ผลงานการคุมทีมไม่ดีอย่างที่หลายคนคาด คว้ามาได้เพียงแชมป์เอฟ เอคัพ ครั้งเดียวตลอดการคุมทีม 4 ปีสโมสรได้แต่งตั้ง รอย อีแวนส์ หนึ่งในสมาชิกของ "บูธรูม" อีกคน แต่ อีแวนส์ ก็ไม่สามารถพาลิเวอร์พูลกลับขึ้นมาคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้ ผลงานที่สามารถคว้ามาได้มีเพียงแชมป์ลีก คัพ ในปี 1994-95 เพียงรายการเดียว ปี1998 สโมสรหันไปคว้าผู้จัดการทีมชาวฝรั่งเศส เชราร์ อุลลิเย่ร์ มาคุมทีมร่วมกับ รอย อีแวนส์ และเพียงไม่นาน อีแวนส์ ก็ขอลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมร่วม ทำให้ เชราร์ อุลลิเย่ร์ รับตำแหน่งผู้จัดการทีมคนใหม่แทนทันที และหมดยุคของ "บูธรูม" ทันทีอุลลิเย่ร์ เรียก ฟิล ธอมป์สัน อดีตนักเตะลิเวอร์พูลมาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีม และใช้เวลาสร้างทีมใหม่ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักเตะต่างชาติ ซามี่ ฮูเปีย ,แพทริก แบร์เกอร์,วลาดิเมียร์ ซมิเซอร์,ซานเดอร์ เวสเตอร์เฟลด์ และนักเตะจากทีมเยาวชน ซึ่งต่อมาถือเป็นกำลังหลักของทีมอย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด,เจมี่ คาร์ราเกอร์และ ไมเคิ่ล โอเว่น ทีมทำผลงานได้ดีในฟุตบอลถ้วย แต่ผลงานในลีกกลับไม่สามารถทวงความยิ่งใหญ่เหมือนในอดีตกลับมาสู่สโมสรได้ ปี 2000-01 อุลลิเย่ร์ พาทีมสร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งด้วยการคว้าทริปเปิ้ลแชมป์บอลถ้วย โดยคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ,ลีกคัพ เป็นสมัยที่6 มาสู่สโมสร พร้อมทั้งสร้างผลงานในเวทียุโรป ด้วยการคว้าแชมป์ยูฟ่า คัพ มาครองหลังห่างหายไปนานกว่า 21 ปี ปี 2003 กุนซือชาวฝรั่งเศสพาทีมคว้าแชมป์ลีก คัพ สมัยที่7 ให้กับสโมสรด้วยการเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปได้ 2-0 จากประตูของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด และ ไมเคิ่ล โอเว่น ที่ สนามมิลเลเนี่ยม เมืองคาร์ดิฟฟ์ และนั่นคือผลงานสุดท้ายที่กุนซือชาวฝรั่งเศสทำให้ทีมเนื่องจาก เชราร์ อุลลิเย่ร์ ไม่สามรถทำทีมคว้าแชมป์ลีกได้ตามที่บอร์ดบริหารต้องการปี 2004 สโมสรได้แต่งตั้ง ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือชาวสเปน ผู้นำทีมบาเลนเซียคว้าแชมป์ลา ลีกา สเปน มาสู่ทีมและเพียงแค่ฤดูกาลแรกที่เจ้าตัวเข้ามาคุมทีม ราฟาก็ทำค่ำคืนที่เหลือเชื่อที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรลิเวอร์พูลได้ เมื่อพวกเขาสามารถคว้าแชมป์ยุโรปมาครอบครองได้เป็นสมัยที่5ของสโมสร หลังจากที่ตามหลัง เอซี มิลาน อยู่ 3-0 ในช่วงจบครึ่งแรก แต่สามารถกลับมาตีเสมอได้ในช่วงครึ่งหลัง 3-3 ก่อนที่จะกลับมาเอาชนะไปได้ในช่วงของการดวลจุดโทษ กับฤดูกาลใหม่นี้ ราฟาเอล เบนิเตซ จัดการเสริมทีมด้วยการคว้าตัวนักเตะมาสู่ทีม ซาบี้ อลอนโซ่,หลุยส์ การ์เซีย,เฟร์นานโด มอริเอนเตส,เปเป้ เรน่า ซึ่งนักเตะส่วนใหญ่เป็นนักเตะสัญชาติสเปน เพื่อมาสร้างทีมและแน่นอนนั่นคือการเปิดตัวปีแรกของ ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือชาวสเปน ที่สวยหรูแต่เป้าหมายที่แท้จริงที่บรรดาเดอะ ค็อป จากทั่วโลกต่างเฝ้ารอก็คือการกลับมาผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก (ดิวิชั่น 1เดิม) ให้ได้หลังต้องรอคอยมานานถึง 16 ปีเต็ม

Steven Gerrard











Fernando Torres
















แดงเดือดปะทุ!ผีชนหงส์


แดงเดือดปะทุ!ผีชนหงส์

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กลับมาลงสนามกันอีกครั้ง สำหรับวันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม 2551 มีลงสนามทั้งหมด 2 คู่ และเป็น "บิ๊กแมตช์" ทั้งหมดอีกด้วย เริ่มตั้งแต่ "ศึกแดงเดือด" ครั้งที่ 150 ระหว่างแมนฯ ยูไนเต็ด - ลิเวอร์พูล
ปรีวิวฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
(ฤดูกาล 2007/08)
(วันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม 2551)
แมนฯ ยูไนเต็ด (1) - ลิเวอร์พูล (4)
เวลาเตะ :20.30 น.
ถ่ายทอดสด : ทรูสปอร์ต 1 (61), SS3/SSM, P2P, Setanta Sports Canada, Setanta Sports USA, Setanta-Broadband (ดาวเทียม)
สภาพอากาศ : ฝน / หิมะ
อุณหภูมิเฉลี่ย : 2 องศาเซลเซียส
ผู้ตัดสิน : สตีฟ เบนเน็ตต์
สนาม:โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
สภาพทีมโดยทั่วไป
แมนฯ ยูไนเต็ด
เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือแมนฯ ยูไนเต็ด จะได้เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ นายทวารมือ 1 หายเจ็บโคนขาหนีบกลับมาเสริมทีมอีกครั้ง แต่ในรายของริโอ เฟอร์ดินานด์ กองหลังตัวหลักที่ยังมีอาการเจ็บหลังรบกวน ต้องรอทดสอบความฟิต
ส่วนหลุยส์ ซาฮา กองหน้าที่มีอาการบาดเจ็บรบกวนเล็กน้อยมาจากเกมล่าสุดที่ชนะโบลตัน 2-0 แต่น่าจะฟิตพร้อมช่วยทีมได้ตามปกติ
สำหรับแกรี่ เนวิลล์ แบ๊กขวาตัวเก๋าที่หายไปเกือบปี จากอาการบาดเจ็บโคนขาหนีบ และ ข้อเท้า ก็ใกล้ที่จะกลับมาช่วยทีมได้ในเร็วๆนี้ หลังลงเรียกความฟิตในเกมสำรองได้อีกเกมแล้ว
ผู้เล่นที่มีอาการบาดเจ็บ
แมนฯ ยูไนเต็ด : ริโอ เฟอร์ดินานด์ (หลัง, ทดสอบความฟิต), มิกกาแอล ซิลแวสตร์ (เข่า)
ผู้เล่นที่ติดโทษแบน
แมนฯ ยูไนเต็ด : ไม่มี
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
แมนฯ ยูไนเต็ด (4-4-2) : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ - จอห์น โอเช, เวส บราวน์, เนมานย่า วิดิช, ปาทริซ เอวร่า - คริสเตียโน่ โรนัลโด้, โอเว่น ฮาร์กรีฟส์, อันแดร์สัน, ไรอัน กิ๊กส์ - เวย์น รูนี่ย์, คาร์ลอส เตเวซ
ผู้จัดการทีม : เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
ลิเวอร์พูล
ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือลิเวอร์พูล ไม่มีปัญหาอาการบาดเจ็บของลูกทีมคนสำคัญเพิ่มเติม โดยขาดเพียงดาเนียล อั๊กเกอร์ กองหลังเดนมาร์กที่เข้ารับการผ่าตัดกระดูกเท้าเป็นครั้งที่ 3 และจะกลับมาช่วยทีมได้อีกครั้งในฤดูกาลหน้า
ส่วนตำแหน่งปีกซ้าย คาดว่า "เอล ราฟา" อาจปรับทัพด้วยการให้ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ ซึ่งมีประสบการณ์มากกว่าได้ลงเป็นตัวจริงแทนไรอัน บาเบลก็เป็นได้
ผู้เล่นที่มีอาการบาดเจ็บ
ลิเวอร์พูล : ดาเนียล อั๊กเกอร์ (กระดูกเท้า)
ผู้เล่นที่ติดโทษแบน
ลิเวอร์พูล : ไม่มี
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ลิเวอร์พูล (4-2-3-1) : โฆเซ่ มานูเอล เรน่า - อัลบาโร่ อาร์เบลัว, เจมี่ คาร์ราเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เตล, ฟาบิโอ ออเรลิโอ - ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, ชาเบียร์ อลอนโซ่ - เดิร์ค เค้าท์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ (ไรอัน บาเบล) - เฟร์นานโด ตอร์เรส
ผู้จัดการทีม : ราฟาเอล เบนิเตซ
ผลงาน 5 นัดหลังสุด
แมนฯ ยูไนเต็ด
19/03/08 โบลตัน (เหย้า)
15/03/08 ชนะ ดาร์บี้ (เยือน) 1-0
08/03/08 แพ้ พอร์ทสมัธ (เหย้า) 0-1 (เอฟเอ คัพ)
04/03/08 ชนะ โอลิมปิก ลียง (เหย้า) 1-0 (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก)
01/03/08 ชนะ ฟูแล่ม (เยือน) 3-0
ลิเวอร์พูล
15/03/08 ชนะ เร้ดดิ้ง (เหย้า) 2-1
11/03/08 ชนะ อินเตอร์ มิลาน (เยือน) 1-0 (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก)
08/03/08 ชนะ นิวคาสเซิ่ล (เหย้า) 3-0
05/03/08 ชนะ เวสต์แฮม (เหย้า) 4-0
02/03/08 ชนะ โบลตัน (เยือน) 3-1
เฮด ทู เฮด
พบกันทั้งหมดในลีก แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 57 ลิเวอร์พูล ชนะ 49 เสมอ 43
พบกันทั้งหมดในพรีเมียร์ แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 17 ลิเวอร์พูล ชนะ 7 เสมอ 7
พบกันทั้งหมดในลีกที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 35 ลิเวอร์พูล ชนะ 14 เสมอ 25
พบกันทั้งหมดในพรีเมียร์ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 8 ลิเวอร์พูล ชนะ 3 เสมอ 4
สถิติที่พบกัน
แมนฯ ยูไนเต็ด หวังเอาชนะ ลิเวอร์พูล เป็นนัดที่ 5 ติดต่อกันในพรีเมียร์
ลิเวอร์พูล ยิงประตู แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้เลยในเกมลีก 6 นัดหลังสุด และยิงได้แค่ลูกเดียวในยุคของ ราฟาเอล เบนิเตซ คือเกมที่แพ้ 1-2 ที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อ 20 ก.ย. 2004 จากการทำเข้าประตูตัวเองของ จอห์น โอเช
ข้อมูลที่น่าสนใจ
แมนฯ ยูไนเต็ด
แพ้ พอร์ทสมัธ 0-1 ในเกมเอฟเอ คัพ รอบ 6 เพียงนัดเดียวใน 8 เกมหลังสุดรวมทุกรายการ
ชนะ 8 จาก 10 เกมลีกหลังสุด รวมทั้ง 4 นัดล่าสุดด้วย
ชนะมากนัดสุดในลีก (22)
ยิงประตูมากสุดในลีก 61 ประตูหรือยิงประตูเฉลี่ยทุกๆ 44 นาที
เสียประตูน้อยสุดในลีก 15 ประตูหรือเสียประตูเฉลี่ยทุกๆ 180 นาที
เป็นทีมที่เสมอน้อยนัดสุดในลีกเท่ากับ เรดดิ้ง (4)
ไม่เสียประตูในเกมลีกมากนัดสุดในลีก (18ป ดีกว่าซีซั่นก่อนไปแล้ว 2 นัด
ชนะ 21 เสมอ 2 แพ้ 1 ใน 24 เกมลีกที่ยิงประตูขึ้นนำไปก่อน
ถูกยิงประตูขึ้นนำไปก่อนเพียง 5 นัดน้อยกว่าทุกทีมในลีก
รั้งอันดับ 2 ในตารางคะแนน 6 เกมลีกหลังสุดเป็นรอง ลิเวอร์พูล ที่เก็บได้ 16 คะแนนเท่ากันแค่ผลต่างประตูได้เสีย
ยิง 15 ประตูในช่วง 10 นาทีสุดท้าย หรือ 10 ประตูในช่วง 5 นาทีสุดท้าย หรือ 7 ประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บดีกว่าทุกทีมในลีกยกเว้นการยิงประตูในช่วงทดเจ็บที่มี อาร์เซน่อล กับเรดดิ้ง ยิงได้ในจำนวนเท่ากัน
แพ้เพียง 2 จาก 31 เกมลีกในบ้านหลังสุด
เกมลีกนัดต่อไปจะเปิดบ้านพบ แอสตัน วิลล่า ก่อนจะออกไปเยือน โรม่า ในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ และไปเล่นที่ มิดเดิ้ลสโบรช์
ลิเวอร์พูล
ชนะรวด 7 นัดติดต่อกันในทุกรายการ ตั้งแต่ถูก บาร์นสลี่ย์ เขี่ยตกรอบ 5 เอฟเอ คัพ เมื่อ 16 ก.พ. ซึ่งเป็นการแพ้นัดเดียว ใน 10 เกมหลังสุดรวมทุกรายการ
ชนะ 6 เสมอ 1 ใน 7 เกมลีกหลังสุดตั้งแต่แพ้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 0-1 เมื่อ 30 ม.ค. ซึ่งเป็นการแพ้นัดเดียวในรอบ 14 เกม
แพ้น้อยเกมสุดอันดับ 2 ในลีกเท่ากับ เชลซี (3)
เสมอเกมลีกมากนัดสุดเท่ากับ ฟูแล่ม (11)
เสมอเกมลีกแบบโนสกอร์มากนัดสุดของลีกเท่ากับ พอร์ทสมัธ (5)
เสียประตูน้อยสุดอันดับ 2 ของลีก คือ 21 ประตูจาก 30 นัดหรือเสียประตูเฉลี่ยทุกๆ 129 นาที
ถูกยิงประตูขึ้นนำไปก่อนน้อยนัดสุดอันดับ 2 ของลีก (7)
เป็นหนึ่งใน 2 ทีมร่วมกับ โบลตัน ที่ยังไม่มีผู้เล่นถูกไล่ออกในฤดูกาลนี้
มีผู้เล่นถูกกรรมการจดชื่อน้อยสุดอันดับ 2 ของลีกคือ 37 ใบเหลือง
ชนะ 111 แพ้ 111 ในเกมนัดเยือนในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก และขาดอีก 2 ประตูจะยิงครบ 400 ลูกในการเล่นนัดเยือน
ชนะเพียงนัดเดียวจาก 5 เกมนอกบ้านหลังสุดคือเกมที่ชนะ โบลตัน 3-1 เมื่อ 2 มี.ค.
ไม่แพ้เกมลีกนัดเยือนต่อทีมจากแถบตะวันตกเฉียงเหนือมา 6 นัดติดต่อกัน ตั้งแต่แพ้ แบล็คเบิร์น 0-1 เมื่อ 26 ธ.ค. 2006
เกมลีกนัดต่อไปจะเปิดบ้านพบ เอฟเวอร์ตัน ก่อนจะออกไปเยือน อาร์เซน่อล 2 นัดรวดทั้งในแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อน รองชนะเลิศ และเกมลีก ก่อนจะกลับมารอรับมือ เดอะ กันเนอร์ส ในเกมยุโรปถ้วยใบใหญ่สุด นัดที่สอง
เกร็ดผู้เล่น
แมนฯ ยูไนเต็ด
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นผู้เล่นปีกที่ยิงประตูได้มากสุดในประวัติศาสตร์สโมสร (33) และยิงไปแล้ว 24 ประตูจากการลงเล่นเกมลีก 24 นัดนำเป็นดาวซัลโวสูงสุดในเวลานี้
เวย์น รูนี่ย์ ต้องการอีก 1 ประตูก็จะทำสกอร์ที่ 50 ในเกมลีกในชุด แมนฯ ยูไนเต็ด และจะลงเล่นเกมลีกเป็นนัดที่ 150 ในชีวิต
หาก แกรี่ เนวิลล์ ได้ลงสนามจะเป้นการลงเล่นเกมลีกนัดที่ 350 ให้ แมนฯ ยูไนเต็ด
ลิเวอร์พูล
เฟร์นานโด ตอร์เรส พังประตูมากสุดของทีมคือ 27 ประตูและเป็น 20 ลูกในเกมลีก
ตอร์เรส เป็นผู้เล่นลิเวอร์พูลคนที่ 2 และหนที่ 3 ที่ยิงประตูในเกมพรีเมียร์ลีกถึงหลัก 20 ลูก ต่อจากทื่ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ทำไว้ 25 และ 28 ประตูในฤดูกาล 1994/95 และ 1995/96
โฆเซ่ เรน่า ทำเป็นอันดับ 1 ที่จะคว้ารางวัลถุงมือทองคำ หลังมีสถิติไม่เสียประตู 14 นัดในซีซั่นนี้