วันจันทร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2551

มาสเคส่อโดนแบนยาวหลังเถียงใบแดงท่านเปา


ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ กองกลางเลือดร้อน ลิเวอร์พูล มีแววเจอโทษแบนเป็นจำนวนหลายนัดเลยทีเดียว หลังก่อวีรกรรมเถียงคอเป็นเอ็นกับท่านเปา ระหว่างเกม "แดงเดือด" เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จนถูกอัญเชิญออกจากสนาม แต่ก็ไม่ยอมเดินจากไปในทันทีทันใด โดย เอฟเอ เตรียมตั้งโต๊ะสอบคดีเพื่อชี้ขาดต่อไปภายในวันอังคารนี้
ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ มิดฟิลด์ ลิเวอร์พูล ยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก มีสิทธิ์ที่จะได้รับการตัดสินโทษแบนเพิ่มเติมอีกหลายนัด ภายหลังถูกไล่ออกจากสนามในเกม "แดงเดือด" ที่ "หงส์แดง" บุกพ่าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-3 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากใช้วาจาโต้เถียงอย่างรุนแรงกับผู้ตัดสิน สตีฟ เบนเน็ตต์ ในจังหวะแจกใบเหลืองให้ เฟร์นานโด ตอร์เรส กองหน้าทีมชาติสเปน แถมยังแสดงอาการฉุนเฉียวไม่ยอมเดินออกจากสนาม จนเพื่อนร่วมทีม และสตาฟฟ์โค้ชต้องเข้ามาห้ามปรามยกใหญ่อีกด้วย จากการเปิดเผยของโฆษกประจำสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
ห้องเครื่องดีกรีทีมชาติอาร์เจนตินา วัย 23 ปี โดนแบนไป 1 นัดเรียบร้อยแล้ว จากการได้รับ 2 ใบเหลืองในเกมลีกนัดดังกล่าว แต่ เอฟเอ ก็สามารถพิจารณาโทษเพิ่มเติมได้ตามพฤติกรรมที่เจ้าตัวไม่ยอมเดินออกจากสนามในทันทีทันใด โดยจะมีการตัดสินใจชี้ขาดต่อไปภายในวันอังคารที่ 25 มี.ค.นี้
แอนดริน คูเปอร์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อมวลชนขององค์กรลูกหนังแดนผู้ดี เผยว่า "เมื่อนักเตะปฏิเสธที่จะเดินออกจากสนามโดยทันทีทันใด เราก็จะต้องมีกระบวนการเพิ่มเติมบทลงโทษต่อไปอย่างแน่นอน เราสามารถดำเนินคดีใดๆ ก็ตามที่ผู้ตัดสินไม่ได้เห็นเหตุการณ์ หรืออยู่นอกเหนืออำนาจควบคุมของเขา"
"ผู้ตัดสินทำทุกอย่างที่สามารถทำได้ภายใต้กฎระเบียบของเกมการแข่งขันตามกรณีดังกล่าวนั้นไปแล้ว การดำเนินคดีใดๆ ที่ตามมาในภายหลังนั้นอยู่นอกเหนือขอบเขตของกรรมการอย่างชัดเจน การตัดสินโทษเพิ่มเติมเป็นเรื่องที่มีความเป็นไปได้ แต่เราก็ไม่สามารถเอ่ยปากบอกสิ่งใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนั้นได้จนกว่าจะถึงวันพรุ่งนี้ (วันอังคารที่ 25 มี.ค.)" คูเปอร์ ทิ้งท้าย
ทั้งนี้ พฤติกรรมสุดห่ามของ มาสเคราโน่ เกิดขึ้นในระยะเวลาเพียงแค่ 4 วันให้หลังจากที่เกิดเหตุการณ์อื้อฉาวในกรณี แอชลี่ย์ โคล กองหลัง เชลซี หันหลังแสดงท่าทีไม่พอใจท่านเปา ไมค์ ไรลี่ย์ ขณะแจกใบเหลือง เนื่องจากพุ่งเข้าเสียบ อลัน ฮัตตัน แบ็กขวา ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ อย่างน่าเกลียด ในเกมลีก นัด "ลอนดอน ดาร์บี้แมตช์" ที่ทั้ง 2 ทีมเสมอกัน 4-4 ณ สนาม ไวท์ ฮาร์ท เลน เมื่อวันพุธที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา โดย เบนเน็ตต์ เป็นผู้ตัดสินที่ 4 ในแมตช์นั้นเช่นกัน และถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักร่วมกับ ไรลี่ย์ ที่ไม่ยอมลงโทษสถานหนักกับแบ็กซ้ายทีมชาติอังกฤษ

In the End.....



เกมที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด กับชัยชนะเหนือ ลิเวอร์พูล มันเหมือนเป็นอะไรที่สะใจแบบสุดๆ 3-0 สำหรับแฟนผี เฉกเช่นกับความไม่ปราณีของสิงห์บลูส์ที่ เดอะ บริดจ์ ซึ่ง เชลซี แสดงให้เห็นถึงทีมที่ดีกว่าหลังพลิกแซงเอาชนะคู่แข่งร่วมลอนดอนอย่าง "อ้ายปืนโต"
ก่อนเกมหวังว่าเกมวีกนี้มันส์คงจะมันส์พิลึกหาก ลิเวอร์พูล สามารถบุกไปยันเจ๊าหรือเอาชนะ แมนฯยูไนเต็ด ได้ และให้อาร์เซน่อลบุกมาชนะเชลซี ซึ่งตอนนั้น ทีมของ อาร์แซน เวน เกอร์ ก็จะไล่จี้เหลือแค่ 3 คะแนน
แต่ดูเหมือนว่า "ฝันก็ยังคงเป็นแค่ฝัน" สถิติยังคงเป็นสถิติ ผลคือ "ผีแดงไล่แทงหงส์ยับ" และ "ปืนแค่เสียว ก่อนเลี้ยววูบมรณะ" กลายเป็น เชลซี ที่ขึ้นไปนั่งรองจ่าฝูงแทน และ ไล่จี้ "ผีแดง" เหลือแค่ 5 คะแนน ขณะที่ อาร์เซน่อล ต้องร่วงมาเป็นอันดับสามเป็นครั้งแรกนับแต่เปิดฤดูกาลนี้มา
งง ! งง ว่ามันเกิดอะไรขึ้น !! งง กับเด็กของ อาร์แซน เวนเกอร์ ความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ทำให้พวกเขาไม่ชนะใครในพรีเมียร์ชิพ 5 นัดติดต่อกันแล้ว ซึ่งแม้ในทางทฤษฎีมันยังพอมี โอกาสที่พวกเขาจะก้าวขึ้นไปคว้าแชมป์
กับ 7 เกมที่เหลือ ทุกอย่างๆ อะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่ความเป็นจริงแล้วยากเหลือเกินที่ แมนฯยูไนเต็ด จะปล่อยแชมป์สมัยที่ 10 หลุดลอยไป
สถานการณ์ในตอนนี้ อาร์เซน่อล คงต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วล่ะ ว่าจะสู้ต่อไป หรือจะไปลุ้น แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่พวกเขายังไม่เคยสัมพัส ในขณะที่ เชลซี และ แมนฯยูไนเต็ด พวกเขาก็มีลุ้น "ดับเบิ้ลแชมป์" ในปีนี้เช่นกัน เช่นเดียวกับ ลิเวอร์พูล แม้จะหมดลุ้นชูถ้วยพรีเมียร์ชิพเป็นครั้งแล้ว แต่ลูกทีมของ ราฟาเอล เบนิเตซ ก็ยังอยู่ในเส้นทางคว้าแชมป์ ถ้วยบิ๊กเอียร์สมัยที่ 6
ย้อนกลับไปในศึก "แกรนด์สแลม บิ๊กแมตช์" ก่อนเกมที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด "แดงเดือด" หนนี้หลากหลายกระแสเริ่มโอนเอียงไปทาง ลิเวอร์พูล หลังเริ่มโชว์ฟอร์มเข้าตา ซึ่งสปอร์ต ไลต์ของวันนี้จับภาพไปที่ เฟร์นานโด ตอร์เรส ที่ในซีซั่นนี้รวมทุกรายการกระหน่ำประตูคู่แข่งไปถึง 27 ประตู
ส่วน คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ ดาวซัลโวตัวเก่งของเจ้าถิ่นก็ยังเป็นที่จับตามองว่า "แดงเดือดครั้งที่ 11" ของปีกโปรตุกีสรายนี้จะยิงประตูแรกใน "Red War" ได้หรือไม่ ?
โดยในฤดูกาลนี้ถือว่าเป็นฟอร์มที่พีคสุดยอดของ โรนัลโด้ หลังซัดนำเป็นดาวซัลโวของพรีเมียร์ลีกด้วยจำนวน 24 ประตู (ก่อนแข่ง) และรวมทุกรายการ ไม่น่าเชื่อ!! ว่าเจ้าของหมาย เลข 7 รายนี้ทำลายสถิติในหนึ่งฤดูกาลของ จอร์จ เบสต์ ตำนานของปีศาจแดง ด้วยประตูรวมทั้งสิ้น 33 ประตู
อีกทั้งใน เกมแดงเดือด ของทั้งสองทีมไม่รู้เป็นไร หาก ยูไนเต็ด ได้ประตูทีไรมักจะเป็นกองหลังหรือแนวรับเสียมากกว่าที่เป็นผู้ทำประตู ซึ่งในครั้งนี้ บุคคลที่ไม่สมควรทำประตูก็ ดันทำประตู จากจังหวะที่ โฆเซ่ เรน่า ออกมาตัดบอลพลาด เวส บราวน์ มนุษย์สังหารหมายเลข 6 โฉบขึ้นโหม่งเข้าไปชนิดเหล่ากองเชียร์หลังประตูแถมจะอึ้งก่อนจะโห่ฮา เป่าปากดีใจ
หลังจากนั้นจุดเปลี่ยนอีกหนึ่งสำคัญของเกมก็คือการโดนไล่ออกของ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ในช่วงครึ่งเวลาแรก หลังสตีฟ เบนเน็ตต์ สิงห์เชิ้ตดำในแมตช์นี้ชูใบเหลืองใบที่สองกลาย เป็น ใบแดง ในข้อหาด่าทอ ใช้คำหยาบคาย หรือแสดงประพฤติกรรมไม่ยอมรับคำตัดสิน ทำให้ห้องเครื่องอาร์เจนไตน์ต้องออกไปอาบน้ำก่อนใคร
จริงอยู่ไม่อาจจะไม่ใช่จุดเปลี่ยนที่สำคัญมากมายนัก เพราะในช่วงครึ่งเวลาหลัง "เอล ราฟา" ก็ยังคงใช้ 10 ผู้เล่นที่เหลือเช่นเดิม แต่รูปเกมพวกเขาก็ยังหาจังหวะเข้าไปส่องใน กรอบแทบจะไม่มี กลับกลายเป็นเหล่าฝูงอสูรที่ดาหน้าบุกเข้ามาชนิดไม่หยุดพักให้หายใจ
และในช่วง 11 นาทีสุดท้าย คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ ก็พังประตูแรกในเกมแดงเดือดได้สำเร็จ จากการวิ่งเข้าโฉบโหม่งบอลซุกก้นตาข่ายอย่างงดงาม เป็นประตูที่ 25 นำเป็นดาวซัลโว ของพรีเมียร์ชิพและดาวซัลโวของยุโรป
ซึ่งเพียงแค่ 0-2 ก็น่าจะเป็นความพ่ายแพ้ที่ไม่น่าจดใจแล้ว ยังมาเสียประตูที่ 3 จากการยิงของ นานี่ ดาวยิงสำรองที่เพิ่งเปลี่ยนลงมา จบเกมที่ "โอ.ที" แมนฯยูไนเต็ด เอาชนะคู่อริ ลิ เวอร์พูล 3-0 ซึ่งเป็นสกอร์ที่ขาดลอยครั้งที่ 2 ในรอบกว่า 15 ปี
มาถึงในคู่ที่สองช่วง 5 ทุ่ม ตามเวลาในเมืองไทย อาร์เซน่อล หลังเพิ่งจะรู้ผลคู่แดงเดือดไป แน่นอนว่าพวกเขาต้องเพิ่มความมุ่งมั่นและความกระหายมากขึ้นกว่าเดิม เพราะในขณะ นั้นลูกทีมของ เวนเกอร์ ตามหลัง "ผีแดง" ถึง 6 แต้ม
ซึ่งดูเหมือนว่าทั้งเกมอะไรหลายๆ อย่างเริ่มจะเป็นใจให้กับขุนแข้งปืนโต การตามเข้าชาร์จระยะกว่า 5 หลาของ โซลามง กาลู ที่วืด การยิงของมิชาเอล บัลลัค แถมจะไม่ได้สร้าง ความหวาดหวั่นให้ อาร์เซน่อล เท่าไหร่
และในที่สุด บาการี่ ซานญ่า ฟลูแบ็กชาวฝรั่งเศสก็เบิกสกอร์แรกของตัวเองในพรีเมียร์ และช่วยให้ อาร์เซน่อล ขึ้นนำ เชลซี ไปก่อน 1-0 เกมทำท่าว่า โมเมนตั้ม จะไหลมาทางอาร์เซ น่อล เพราะถึงตอนนั้นพวกเขาความฝันในการคว้าบรรลังค์แชมป์พรีเมียร์ยังคงอยู่
แต่เพียงแค่ 13 นาทีให้หลังจากนั้น ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา ดาวยิงตัวเก่งก็พิสูจน์ให้เห็นถึงความเป็นสุดยอดดาวยิงที่เก่งกาจที่สุดอีกครั้ง เมื่อรับบอลจากลูกดีดของ แลมพาร์ด ก่อนจะ ตะบันด้วยขวาเต็มข้อบอลพุ่งผ่านมือ อัลมูเนีย เข้าไปอย่างงดงาม
ถึงตอนนี้ช่วง 18 นาทีที่เหลือ เป็นอะไรที่บีบเค้นกดดันสำหรับทั้งสองทีมเสียเหลือเกิน เพราะทุกอย่างอาจเป็นไปได้ ทว่าสุดท้ายพระเจ้ากลับเลือกให้ฝากเจ้าถิ่นได้รับสามคะแนนเต็ม เมื่อบอลมาเข้าทางของ หัวหอกไอวอรี่ โคสต์ อีกครั้งก่อนที่ตัวเขาจะซัดเบิ้ลเป็นประตูชัยให้ สิงห์บลูส์ พลิกกลับมาเป็นฝ่ายชนะ 2-1
กลับกลายเป็นว่า อาร์เซน่อล ที่นำเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ชิพมาร่วม 7 เดือนกว่า กลับโยนมันทิ้งไปเพียงแค่ 5 เกมอาจสุดห่วยของพวกเขา แถมถีบคู่อริร่วมเมืองลอนดอน เชลซี ขึ้นไป นั่งรองจ่าฝูง
ซึ่งถึงตอนนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด อาจจะกาอาร์เซน่อลออกจากสารบบลุ้นแชมป์แล้ว แต่กลับเป็นว่าทีมอย่าง เชลซี ที่แรกๆ หลายคนอาจมองว่าซีซั่นนี้ของพวกเขาอาจจะจบลง แต่ไหน เลยที่ผ่านมาพวกเขา กลับกลายคล้ายเป็น "ตาอยู่" ที่ค่อยๆ เขยิบเข้ามา ซึ่งต้องลุ้นช่วง 7 เกมที่เหลือแบบนัดต่อนัดว่าทีมใดจะเข้าป้ายคว้าแชมป์

เบนิเตซเชื่อ11ตัวเท่ากันหงส์ไม่ถูกผีแดงไล่ยำแน่


ราฟาเอล เบนิเตซ นายใหญ่ ลิเวอร์พูล มั่นใจหากมีตัวผู้เล่นเท่ากันไม่มีทางแพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขาดถึง 3-0 เหมือนเกมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาอย่างแน่นอน พร้อมกระตุ้นลูกทีมลืมความผิดหวังให้เร็วที่สุด เพื่อมีสมาธิในนัดรับมืออริร่วมเมือง เอฟเวอร์ตัน ในวันอาทิตย์ที่ 30 มี.ค.นี้
ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีมชาวสเปนของ ลิเวอร์พูล มั่นใจถ้ามีผู้เล่นเท่ากันไม่มีทางถูก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไล่ถล่มแน่นอน หลังจากออกไปแพ้ขาดลอย 3-0 ที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในเกมพรีเมียร์ลีก เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
"เดอะ เร้ดส์" ที่มีสกอร์ตามอยู่ 1-0 ต้องเหลือผู้เล่น 10 คนในช่วงก่อนจบครึ่งแรก หลังจาก ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ กองกลางทีมชาติอาร์เจนตินาได้รับใบเหลืองที่ 2 จากการเข้าไปเถียงกรรมการ สตีฟ เบนเน็ตต์ ก่อนที่พวกเขาจะแผ่วปลายโดน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และนานี่ ยิงคนล่ะประตูในช่วงท้ายเกมช่วยให้ขุนพล "ปีศาจแดง" คว้าชัยชนะไปขาดลอย 3-0
"ผมรู้สึกผิดหวังจริงๆ เพราะเราได้เห็นเกม 2 นัดในวันนี้ นัดแรกเป็นช่วงก่อนที่จะมีการไล่ออก และอีกนัดก็หลังจากนั้น ก่อนหน้าที่นักเตะของเราจะถูกไล่ออกเราก็ถือว่าเล่นได้ดีพอสมควร พยายามเล่นเกมสวนกลับ และมีลุ้นได้จังหวะเตะมุม"
"เรากดดันได้มากขึ้นในช่วงครึ่งหลัง แต่เมื่อคุณเล่นกับทีมที่มีความเร็ว และทักษะที่สูงก็กลายเป็นเรื่องที่ลำบาก ตอนนี้แฟนบอลของเราคงรู้สึกผิดหวังมาก และผมเป็นคนแรกที่ต้องผิดหวัง แต่เราคงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้"
อดีตเทรนเนอร์บาเลนเซีย ยอมรับว่าเกมรับที่ผิดพลาดทำให้ ลิเวอร์พูล ต้องประสบความปราชัย "เราเสีย 2 ประตูจาก 2 ความผิดพลาดในแนวรับ เปเป้ เรน่า ทำผลงานได้ดีกว่านักเตะคนอื่น และบางครั้งคุณคิดว่าคุณสามารถเข้าถึงบอลก่อน แต่คุณกลับไปถึงช้า มีหลายสิ่งหลายอย่างที่สามารถเกิดขึ้นได้"
นอกจากนี้ กุนซือวัย 47 ปี ยังกล่าวถึง เฟร์นานโด ตอร์เรส หัวหอกฟอร์มฮอต ที่ได้รับบาดเจ็บจนต้องถูกเปลี่ยนในช่วง 10 นาทีสุดท้าย หลังโดน เนมานย่า วิดิช และ ริโอ เฟอร์ดินานด์ คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟเจ้าถิ่น ไล่อัดตลอดทั้งเกม "เขามีอาการเจ็บที่ซี่โครง และข้อเท้า เขาโดนกระแทก และถูกเตะเยอะมาก ผมก็แค่พยายามปกป้องเขา จากนี้ทีมแพทย์คงจะต้องส่งเขาเข้าไปรับการสแกน และเราคงจะต้องเฝ้ารอดูกันต่อไป"
อย่างไรก็ตาม ราฟา กล่าวกระตุ้นขุนพล "หงส์แดง" ให้รีบลืมความเจ็บปวดในเกมนี้ และมุ่งมั่นมีสมาธิในเกมมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ กับ เอฟเวอร์ตัน ที่แอนฟิลด์ วันที่ 30 มีนาคมนี้ เพื่อรักษาตำแหน่งอันดับ 4 ในการได้โควตาไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
"เกมนี้มันจบไปแล้ว ตอนนี้เรามีเกมพักเบรกให้ทีมชาติลงเล่น และจากนั้นก็มีเกมสำคัญพบกับ เอฟเวอร์ตัน ผมคงจะพูดกับนักเตะทุกคนให้ลืมเกี่ยวเกมนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และคิดถึงเกมกับ เอฟเวอร์ตัน เท่านั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะลืม เมื่อคุณแพ้กับหนึ่งในทีมคู่แข่งของคุณ คุณก็รู้เรื่องนั้นดี ถ้าคุณชนะพวกเขา โอกาสลุ้นแชมป์มันก็ใกล้ขึ้น แต่สิ่งเดียวเท่านั้นที่เราต้องทำคือคิดเกี่ยวกับเกมนัดต่อไป"

ตอร์เรสส่อถอนทัพกระทิงหวดเลี่ยน


เฟร์นานโด ตอร์เรส กองหน้าตัวเก่ง ลิเวอร์พูล ส่อแววขอถอนตัวจากทีมชาติสเปน ในเกมลับฝีเท้ากับ อิตาลี ทีมแชมป์โลก ในวันพุธนี้ หลังมีอาการบาดเจ็บเล็กน้อยมาจากเกมแดงเดือด โดยจะต้องรอดูผลการตรวจจากทีมแพทย์ "หงส์แดง" ในวันจันทร์นี้เสียก่อน จึงจะทราบผล
เฟร์นานโด ตอร์เรส กองหน้าเบอร์หนึ่งของ ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ อาจจะออกมาประกาศขอถอนตัวจากทีมชาติสเปน ในเกมที่จะอุ่นเครื่องกับ อิตาลี ในวันพุธที่ 26 มีนาคมนี้ หลังจากถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วงท้ายเกม ของศึกแดงเดือดกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ตอร์เรส ถูกทำฟาวล์อย่างรุนแรงโดย ไมเคิ่ล คาร์ริค กองกลาง "ปีศาจแดง" ในนาทีที่ 80 และก่อนหน้านั้นดาวยิงสแปนิช ก็ถูก ริโอ เฟอร์ดินานด์ เซนเตอร์แบ็ก "ผีแดง" ตามหยุดเกมในหลายๆ จังหวะ โดย "หงส์แดง" เตรียมจะทำการประเมินอาการบาดเจ็บของเขาในวันจันทร์ที่ 24 มีนาคมนี้
"เขาถูกกระแทกบริเวณซี่โครงและข้อเท้า และถูกเข้าปะทะ และเตะอีกหลายต่อหลายครั้ง ผมแค่พยายามปกป้องเขา แพทย์ของทีมจะทำการตรวจอย่างละเอียด และเราจะได้รู้กัน" กุนซือเลือดกระทิง กล่าวถึงดาวยิงตัวเก่ง อย่างไรก็ดี ราฟา เชื่อว่า ตอร์เรส จะพร้อมลงเตะในเกม "เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์" กับ เอฟเวอร์ตัน ในวันอาทิตย์หน้าอย่างแน่นอน

ราฟาป้องมาสเคไม่สมควรโดนใบแดง


ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือลิเวอร์พูล กางปีกปกป้องลูกทีม หลังเกมที่บุกไปแพ้ยับต่อ แมนฯ ยูไนเต็ด 0-3 ยอมรับสุดช็อกที่เห็นท่านเปาแจกใบแดงไล่ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ทั้งที่เข้าไปถามเพียงประโยคเดียว พร้อมอุ้ม โฆเซ่ เรน่า นายทวาร ที่พลาดจังหวะตัดบอลกลางอากาศจนเสียถึง 2 ประตู
ราฟาเอล เบนิเตซ หัวหน้าโค้ชทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ออกมาแสดงความไม่พอใจเล็กน้อยกับการตัดสินของ สตีฟ เบนเต็ตต์ ผู้ตัดสินในสนาม ในเกมพรีเมียร์ลีกที่ ลิเวอร์พูล บุกไปแพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด ถึง 0-3 เมื่อสุดสัปดาห์ ชี้ทำโทษเกินกว่าเหตุที่ให้ใบเหลืองที่ 2 กับ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ กองกลางชาวอาร์เจนไตน์ ตั้งแต่ในครึ่งแรก จากจังหวะที่เข้าไปถามเหตุผลที่ให้ใบเหลืองกับ เฟร์นานโด ตอร์เรส กองหน้าเพื่อนร่วมทีม จนตัวเองต้องโดนไล่ออกแทน และเป็นผลร้ายกับทีมที่ไม่สามารถกลับสู่เกมในครึ่งหลัง
ราฟา ยอมรับว่าลูกทีมตัวเองควรระวังตัวมากกว่านี้ แต่ขณะเดียวกันไม่เข้าใจกับการตัดสินของกรรมการ ซึ่งถือเป็นจุดสำคัญในการตัดสินเกมนัดนี้ โดยกล่าวว่า "ชัดเจนว่าเขาไม่ได้ไปด่าหรือเถียงอะไรเลย ผมได้ถามกับ ไรอัน บาเบล ที่อยู่ใกล้ในเหตุการณ์มากสุด ซึ่งยืนยันว่าเขาไม่ได้สบถ เพียงแต่เข้าไปถามว่าเกิดอะไรขึ้นเท่านั้น ในเกมใหญ่ลักษณะนี้ ซึ่งเป็นการเจอกันเองของบิ๊กโฟร์ การไล่ออกเพียงเพราะไปถามความเห็นกรรมการถือเป็นเรื่องตลกและน่าประหลาดใจอย่างยิ่ง"
"ผมต้องพยายามปลอบนักเตะให้ใจเย็นลง ทุกคนรู้ว่าเขามีความเป็นมืออาชีพ ดังนั้นผมจึงผิดหวังกับการตัดสินของกรรมการครั้งนี้ เช่นเดียวกับตัวนักเตะที่แปลกใจกับใบแดงที่ได้รับ เพียงเพราะเขาไปถามว่า เกิดอะไรขึ้น? ผมเองได้คุยกับเขาเรื่องนี้บ้างแล้ว และเขาพอสำนึกว่าได้ทำข้อผิดพลาดบางอย่าง"
นอกจากนี้ กุนซือเลือดสแปนิช ยังปกป้อง โฆเซ่ เรน่า ผู้รักษาประตูเพื่อนร่วมชาติ ที่ทำพลาดถึง 2 ครั้งในจังหวะตัดบอลกลางอากาศ จนเป็นเหตุให้โดน เวส บราวน์ และคริสเตียโน่ โรนัลโด้ โหม่งคนละประตูในเกมนี้ โดยกล่าวว่า "บางครั้งผู้รักษาประตูก็ทำข้อผิดพลาด มันเกิดขึ้นได้ในเกม"

ลิเวอร์พูลในศึกวันแดงเดือด






















ชมภาพลิเวอร์พูลในศึกวันแดงเดือด