วันพุธที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2551

ตอร์เรสชี้ชัยชนะเหนือปืนใหญ่สุดพิเศษ


เฟร์นานโด ตอร์เรส ยอดกองหน้า ลิเวอร์พูล เผยชัยชนะเหนือ อาร์เซน่อล 4-2 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อวันอังคาร เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในอาชีพการค้าแข้งเลยทีเดียว ชี้เป็นเรื่องเยี่ยมที่ยิงประตูได้มากมายในการเจอกับยอดทีม และทั้งหมดก็มาจากการทำงานอย่างหนักของทุกคน
เฟร์นานโด ตอร์เรส ยอดหัวหอก "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก ออกมากล่าวเมื่อวันพุธที่ 9 เมษายน ที่ผ่านมา ว่า การเอาชนะ "ไอ้ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล 4-2 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดที่ 2 ที่สนามแอนฟิลด์ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในอาชีพการค้าแข้งของเขาเลยทีเดียว
ตอร์เรส โชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจ และช่วยยิง 1 ประตูให้ ลิเวอร์พูล ตีตั๋วเข้าสู่รอบรองชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยประตูรวม 2 นัด 5-3 และล่าสุดหัวหอกทีมชาติสเปน ซึ่งทำไปแล้ว 29 ประตูในฤดูกาลนี้ ก็ได้ออกมาเผยว่าเขารู้สึกทึ่งกับบรรยากาศที่ยอดเยี่ยมในแอนฟิลด์ และเชื่อว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการค้าแข้งเลยทีเดียว
"มันพิเศษสำหรับเราทุกคน เนื่องจากการทำงานอย่างหนักของเรา การยิงได้ถึง 4 ประตูในการเจอกับทีมชั้นยอดเป็นความสำเร็จที่ดีสำหรับเราและเราต่างก็ภาคภูมิใจ มันเป็นค่ำคืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอาชีพการค้าแข้งของผม และผมก็ย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล เพื่อค่ำคืนแบบนี้" ตอร์เรส กล่าว

สตีวี่จียกหงส์ฟอร์มเทพหลังคว่ำปืนลิ่ว4ทีมชปล


สตีเว่น เจอร์ราร์ด ห้องเครื่องของทัพ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ออกมายกย่องฟอร์มการเล่นของเพื่อนร่วมทีมหลังจากรังแอนฟิลด์ถล่ม "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล 4-2 ในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีม นัด 2 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เข้าสู่รอบตัดเชือกด้วยสกอร์รวม 5-3
สตีเว่น เจอร์ราร์ด กองกลางกัปตันทีมของ ลิเวอร์พูล ยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก ออกมากล่าวอย่างมีความสุขหลังช่วยทีมชนะ อาร์เซน่อล 4-2 เกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัด 2 ที่แอนฟิลด์ เมื่อวันอังคารที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา รวมผล 2 นัดชนะ 5-3 ผ่านเข้าไปเล่นในรองรอบชนะเลิศพบ เชลซี เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 4 ปี
เจอร์ราร์ด ที่รับหน้าที่สังหารจุดโทษในช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตายช่วยให้ทัพ "หงส์แดง" พลิกกลับขึ้นมานำ 3-2 ในนาทีที่ 86 กล่าวว่า "เป็นค่ำคืนของเกมยุโรปที่ต้องจดจำอีกครั้ง อาร์เซน่อล เป็นทีมที่ยอดเยี่ยม และทุกครั้งที่พวกเขาตัดเราออกจากเกม แต่เราก็พยายามสู้ร่วมกัน และไม่สูญเสียความเชื่อมั่น สุดท้ายเราก็ผ่านพ้นไปได้ ซึ่งต้องขอบคุณฟอร์มการเล่นที่สุดยอดของทีม ผมมีความเชื่อมั่นเสมอว่าผมจะยิงประตูจากลูกจุดโทษได้ แม้ว่าจะเป็นหนึ่งในฟอร์มการเล่นที่แย่มากของผมกับ ลิเวอร์พูล มันไม่ได้เกี่ยวกับว่าใครจะยิงประตูในคืนนี้ มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเล่นของทีม"
"ผมเคยพูดมาหลายครั้งแล้ว เมื่อจบเกมนัด 2 เรายังมีเกมที่ต้องเล่นกับทีมอื่นอีก ถ้าแฟนบอลยังคงเชียร์แบบนี้ต่อไป จากนั้นทีมอื่นๆ คงสู้กับเราไม่ได้ ตอนนี้เรายังมีเกมสำคัญในลีกที่กำลังจะมาถึง แต่เราก็พร้อมที่จะพบกับ เชลซี ในรอบรองชนะเลิศแล้ว" มิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษ กล่าว

Liverpool won 4-2











เบนิเตซเผยความเชื่อมั่นกุญแจสู่ชัยชนะเหนือปืน


ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือจอมแท็กติกของ ลิเวอร์พูล ยอมรับความเชื่อมั่นของขุนพล "หงส์แดง" เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้แซงกลับมาถล่ม "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล 4-2 ทะลุเข้าสู่รอบรองชนะเลิศศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีมชาวสเปนของ ลิเวอร์พูล ออกมากล่าวสรรเสริญความเชื่อมั่น และความทุ่มเทของลูกทีมว่าเป็นจุดสำคัญที่ทำให้กำราบ อาร์เซน่อล คู่ปรับร่วมเกาะอังกฤษ 4-2 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัด 2 ที่แอนฟิลด์ เมื่อวันอังคารที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา รวม 2 นัดชนะ 5-3
อดีตนายใหญ่ บาเลนเซีย กล่าวหลังจากต้องดวลกับ เชลซี ในรอบตัดเชือกถ้วยใบนี้เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 4 ปี ว่า "ผมคิดว่ากุญแจสำคัญคือความเชื่อมั่นของนักเตะทุกคน ผมคิดว่าในครึ่งหลังเราเล่นได้ดีมาก ในครึ่งแรกเราเล่นกันได้แย่จริงๆ แต่เมื่อเรายิงประตูได้ทำให้เรามีความเชื่อมั่น และเริ่มแสดงให้เห็นถึงคุณภาพที่ยอดเยี่ยมของเรา"
"ผมคิดว่าพวกเขามีนักเตะบางคนซึ่งเคยลงเล่นในเกมนัดชิงชนะเลิศเมื่อ 2 ปีก่อน (แพ้ บาร์เซโลน่า 1-2) ดังนั้นพวกเขาเป็นทีมที่มีประสบการณ์ แต่เราก็มีนักเตะหลายคนที่มีประสบการณ์เช่นกัน สำหรับผมแล้วความแตกต่างมันอยู่ที่เรื่องความเชื่อมั่น ผมผิดหวังกับแนวทางที่พวกเขาทำประตูได้ แต่หลังจากนั้นผมก็มีความสุขมากๆ กับความทุ่มเทของนักเตะทุกคน และแนวทางที่พวกเขาตอบสนองออกมา"
ขณะเดียวกัน ราฟา ยังได้กล่าวถึงจุดเปลี่ยนที่พวกเขาได้ประตูขึ้นนำ 3-2 ในช่วง 5 นาทีสุดท้าย จากการสังหารจุดโทษของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด มิดฟิลด์กัปตันทีมว่า "บางครั้งรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถสร้างความแตกต่างได้ และมันก็เป็นการยิงจุดโทษที่สุดยอดของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ซึ่งมันส่งผลดีกับเราจริงๆ"
"ตอนนั้นผมกำลังคิดจะส่ง (อังเดร) โวโรนิน เพราะเราต้องการเพิ่มความดุดันในเกมบุก ทำให้ต้องใส่ผู้เล่นเกมรุกเข้าไปเพิ่มมากขึ้น แต่หลังจากที่เราได้ประตูจากจุดโทษ ผมก็เปลี่ยนใจส่ง (อัลบาโร่) อาร์เบลัว ลงมาแทน ด้าน (ไรอัน) บาเบล เขาทำให้เกิดความแตกต่าง เพราะเราต้องการความรวดเร็ว และความสามารถเฉพาะตัว เพราะ (เฟร์นานโด) ตอร์เรส เริ่มหมดแรง ดังนั้น เราเลยใช้ความเร็วของ บาเบล มายืนค้ำในแดนหน้า"
ส่วนในรอบรองชนะเลิศที่ต้องพบกับ เชลซี นายใหญ่ชาวกระทิง ไม่ขอพูดถึงในตอนนี้ เพราะต้องการมีความสุขกับผลงานที่สุดยอดของทีมมากกว่า "สิ่งแรกที่ผมคิดก็คือความสนุกในวันนี้ และจากนั้นเราค่อยคิดถึงเกมกับ เชลซี มันคงเป็นเกมที่ยากลำบากแน่นอน"
"คุณคงได้เห็นการเล่นที่ยอดเยี่ยมของ อาร์เซน่อล ในช่วงครึ่งแรกแล้ว เกมนี้มีการยิงกันถึง 6 ประตู และมันเป็นชัยชนะที่สุดแสนวิเศษกับเกมที่สุดยอด ทุกๆ คนมีความสุขจริงๆ และผมก็พอใจกับแรงสนับสนุนจากแฟนบอลทุกคนด้วย เพราะมันเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับเราเสมอที่ได้เล่นต่อหน้าแฟนบอล และคุณสามารถได้ยินเสียงเชียร์ตั้งแต่ต้นเกม พวกเขาช่างแสนมหัศจรรย์ และมีความสำคัญสำหรับนักเตะทุกคน"

หงส์ลิ่วเชือดปืนเดือด4-2ตัดสิงห์ที่ทุบเฟเนร์ฯ2-0


หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ยังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอด ในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อเป็นฝ่ายเปิดสนามแอนด์ฟิลด์เอาชนะ อาร์เซน่อล ไปได้ 4-2 รวมผลสองนัดเข้ารอบด้วยประตูรวม 5-3 พร้อมทะยานเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ได้เป็นครั้งที่ 3 ในรอบสี่ปีหลัง โดยจะเข้าไปพบกับ "สิงห์บูลส์" เชลซี ที่เปิดบ้านบดเอาชนะ เฟเนร์บาห์เช่ ทีมเก่งจากตุรกีไปไม่ยาก 2-0 เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา


ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
รอบก่อนรองชนะเลิศ (นัดสอง)
วันอังคารที่ 8 เม.ย.51
ลิเวอร์พูล (อังกฤษ) 4 - 2 อาร์เซน่อล (อังกฤษ)
(รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล ชนะ 5-3)
สนาม : แอนฟิลด์
ผู้ชม : 45,000 คน
เกมที่แอนฟิลด์ สองทีมดังของเมืองผู้ดีถึงคราวต้องทำศึกนัดแตกหักหลังเจ๊ากันมาในนัดแรก 1-1 โดยลิเวอร์พูลหันมาเน้นรุกเต็มสูบปรับมาเล่นในระบบ 4-4-2 ใช้งานสตีเว่น เจอร์ราร์ดเป็นปีกซ้ายให้ปีเตอร์ เคราช์ลงบู๊เป็นตัวจริงคู่กับเฟร์นานโด ตอร์เรส
ส่วนอาร์เซน่อลจัดให้โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ที่ต้องเช็คความฟิตเป็นเพียงตัวสำรองส่งอเล็กซานเดอร์ คเล็บรับบทหน้าต่ำช่วยงานเอ็มมานูเอล อเดบายอร์ในแดนหน้า
หลังจากมีการยืนไว้อาลัยให้กับมาติเยอ สเปรงเกอร์สประธานสหพันธ์ฟุตบอลฮอลแลนด์และผู้บริหารระดับสูงของยูฟ่าที่เสียชีวิตเมื่อวันอาทิตย์ เกมก็เริ่มขึ้นโดยอาร์เซน่อลเป็นฝ่าย เขี่ยบอลก่อนพร้อมทั้งบุกขึ้นหน้าสร้างความหวาดเสียวให้กับเดอะ ค็อปตั้งแต่หัววัน
และในที่สุดนาทีที่ 13 ปืนโตก็ระเบิดกระสุนได้จากการทำเกมรุกที่สุดยอด ถ่ายบอลกันเป็นทอดๆกระทั่งเคล็บแทงบอลเข้าเขตโทษด้านขวาให้อาบู ดิยาบี้วิ่งสอดเข้าไปหนีชาบี อลอน โซได้ก่อนจะตะบันมุมแคบระยะแปดหลายัดไส้ทะลุการปิดมุมของโฆเซ่ เรน่าตุงตาข่ายพาทีมเมืองหลวงนำไปก่อนอย่างเร็วจี๋ 1-0
พอเสียความบริสุทธิ์ เจ้าถิ่นจึงเดินเกมสู้ และนาทีที่ 17 ฟิลิป เซ็นเดรอสก็ถูกจดชื่อในจังหวะฟาล์วใส่เจอร์ราร์ด ถัดจากนั้นเกมก็ออกรูปสูสี แต่ไม่มีจังหวะทำอะไรกันมาก นัก
กระทั่งนาทีที่ 31 จากลูกโยนทางกราบซ้ายของฟาบิโอ ออเรลิโอที่แฉลบโคโล่ ตูเร่ออกหลังเป็นลูกเตะมุมอีกฟาก เร้ดแมชีนก็ทวงสกอร์คืนมาจากลูกโหม่งระยะไกล 16 หลาของซามี่ ฮู เปียซึ่งเซ็นเดรอสเข้าประกบช้าบอลจึงลอยย้อนศรชนเสาไกลตุงตาข่ายชนิดเชส ฟาเบรกาสที่ยืนคุมเสากระโดดโขกสกัดไม่ถึงทำให้ลิเวอร์พูลตีเสมอเป็น 1-1
เกมยังผลัดกันรุกรับอย่างสนุกเร้าใจ แต่ถึงนาทีที่ 39 มาติเยอ ฟลามินี่ก็เกิดเจ็บขึ้นมาในจังหวะวิ่งเบียดไปกับเจอร์ราร์ดแล้วกลับมาเล่นต่อไม่ไหว ท็อปกันจึงต้องส่งจิลแบร์โต้ ซิ ลวาลงไปแทนในอีกสามนาทีให้หลัง ก่อนที่เกมในครึ่งแรกจะสิ้นสุดลงไปด้วยผลลัพธ์ 1-1
เริ่มครึ่งหลังยังไม่ครบนาทีดี หงส์แดงก็มีเสียวเมื่อชาบี้ อลอนโซ่กระดกบอลจากหน้าเขตโทษเข้าไปให้เคราช์ซัลโวระยะ 16 หลา แต่ไม่แรงพอที่จะผ่านจังหวะทิ้งตัวตะครุบของมานูเอล อัลมูเนียไปได้
เจ้าบ้านยังทำเกมกดดันอาคันตุกะต่อ และนาทีที่ 53 ตอร์เรสก็เลื้อยขึ้นกราบขวาไปจ่ายบอลเข้าเขตโทษโดนวิลเลี่ยม กัลลาสเคลียร์ออกมา ออเรลิโอจึงกระทุ้งสวนเข้าไปแล้วเกือบดีกระทบเคราช์ที่ยืนอยู่แถวจุดเตะลูกโทษเปลี่ยนทิศหลุดกรอบไปอย่างหวุดหวิด
ลิเวอร์พูลคุมสถานการณ์เอาไว้ได้อย่างเด็ดขาดแล้ว แต่นาทีที่ 59 ปืนโตโต้ขึ้นมาได้เยี่ยมโดยกาแอล กลิชี่บุกขึ้นฝั่งซ้ายไปป้ายบอลเข้าเขตโทษให้เคล็บเข่นอย่างถนัดถนี่ถูกฮูเปียเข้าบล็อคได้อย่างเฉียดฉิว
อาร์เซน่อลพยายามขยับเกมรุก แต่เจ้าถิ่นบีบพื้นที่ได้ดีไม่เปิดช่องให้ลุยขึ้นมาง่ายๆ กระทั่งนาทีที่ 63 เอ็มมานูเอล เอบูเอ้ก็สบโอกาสโฉบเข้าเกี่ยวบอลในเขตโทษด้านขวาหนีมาร์ติน สเคอร์เทลได้ แต่จังหวะสุดท้ายยิงมุมแคบเข้าข้างตาข่ายอย่างน่าเสียดาย
ในที่สุดนาทีที่ 69 สิ่งที่แฟนหงส์ต้องการก็อุบัติขึ้นจนได้จากลูกที่วางยาวมาจากแดนหลังแล้วบอลตกพื้นกระดอนเข้าเขตโทษด้านซ้าย ตอร์เรสจึงโชว์ความร้ายกาจโยกหนีเซ็นเดรอสแล้ววอลเลย์จากระยะ 16 หลาเข้าเสียบเสาไกลอย่างเฉียบขาดโดยที่อัลมูเนียไม่ต้องขยับทำให้เร้ด แมชีนแซงนำเป็น 2-1
อาร์เซน่อลเปลี่ยนตัวสู้ทันทีในนาทีที่ 71 โดยปล่อยฟาน เพอร์ซี่กับธีโอ วัลค็อตต์ลงไปแทนดิยาบี้กับเอบูเอ้ และเกือบตีเสมอได้ทันควันเมื่ออเดบายอร์ตามไปแปลูกส้มหล่นในเขตโทษสวนทางโฆเซ่ เรน่าได้แล้ว แต่บอลกลิ้งเฉี่ยวกรอบประตูออกไป
นาที 84 ปืนโตได้ประตูตีเสมอ 2-2 จากจังหวะที่ธีโอ วัลค็อตต์ กระชากบอลหนีนักเตะเจ้าถิ่นจากแดนตัวเองไปจนถึงกรอบโทษแล้วเปิดเข้ากลางให้เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ แปโล่งๆตรงจุดโทษตุงตาข่าย
แฟนทีมเยือนดีใจได้ไม่นานเมื่อนาทีต่อมาหงส์แดงมาได้ประตูออกนำ 3-2 จากจังหวะที่ไรอัน บาเบิ้ล พาบอลเข้ากรอบโทษแล้วโดนโคโล ตูเร่ดึงล้มลงผู้ตัดสินชาวสวีเดนเป่าเป็นจุดโทษทันทีและเป็นสตีเว่น เจอร์ราร์ด รับหน้าที่สังหารไม่พลาด
ช่วงท้ายเกมทีมปืนใหญ่ฮึดบุกเต็มกำลัง แต่รูปเกมไม่ไหลเท่าที่ควร กระทั่งช่วงทดเจ็บไรอัน บาเบิ้ลสำแดงเดชด้วยการกระชากบอลผ่าน เชส ฟาเบรกาส เข้าไปยิงประตูตอกฝาโลงให้เจ้าบ้านถล่มเอาชนะไปด้วยสกอร์ท่วมท้น 4-2 รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล เข้ารอบด้วยประตูรวม 5-3 เข้าไปรอเจอคู่เชลซีในรอบต่อไป
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า - เจมี่ คาร์ราเกอร์, ซามี่ ฮูเปีย, มาร์ติน สเคอร์เทล, ฟาบิโอ ออเรลิโอ - เดิร์ค เค้าท์, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, ชาบี อลอนโซ่, สตีเว่น เจอร์ราร์ด (กัปตัน ทีม) - เฟร์นานโด ตอร์เรส, ปีเตอร์ เคร้าช์
สำรอง : ชาร์ลส์ อิต็องด์เช่ (ผู้รักษาประตู), ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่, อังเดร โวโรนิน, ยอสซี่ เบนายูน, อัลบาโร่ อาร์เบลัว, ไรอัน บาเบิ้ล, ลูกัส เลว่า
อาร์เซน่อล : มานูเอล อัลมูเนีย - โคโล ตูเร่, วิลเลี่ยม กัลลาส (กัปตันทีม), ฟิลิปป์ เซนเดอรอส, กาแอล กลิชี่ - เอ็มมานูเอล เอบูเอ้, เชสก์ ฟาเบรกาส, มาติเยอ ฟลามินี่, อาบู ดิยาบี้ - อเล็กซานเดอร์ เคล็บ - เชยี่ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์
สำรอง : เยนส์ เลห์มันน์ (ผู้รักษาประตู), โรบิน ฟาน เพอร์ซี่, อเล็กซ็องดร์ ซง, จิลแบร์โต้ ซิลวา, นิคลาส เบนด์ทเนอร์, จัสติน ฮอยต์, ธีโอ วัลค็อตต์
ผู้ตัดสิน : ปีเตอร์ ฟรอจด์เฟลดต์ (สวีเดน)