วันเสาร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2551

หงส์ป่วน!แพร์รี่ตอกฮิคส์คือตัวบ่อนทำลายสโมสร


ริค แพร์รี่ ซีอีโอ ลิเวอร์พูล ตอกกลับ ทอม ฮิคส์ เจ้าของร่วม "หงส์แดง" บ่อนทำลายสโมสรชัดๆ หลังเจ้าสัวลุงแซมส่งจดหมายเรียกร้องให้เจ้าตัวลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ชี้ไม่ควรทำให้ทีมไขว้เขวก่อนลงทำศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบตัดเชือก พร้อมระบุปัญหาเกาเหลาของ 2 ดูโอมะกันควรถูกสะสางโดยเร็ว หลังตั้งท่าทะเลาะกันไม่เลิกเสียที
ริค แพร์รี่ ประธานบริหารของ ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก ออกมาชี้ว่า การที่ ทอม ฮิคส์ เศรษฐีอเมริกัน เจ้าของร่วมสโมสร "หงส์แดง" ส่งจดหมายความยาว 3 หน้ากระดาษมาให้ เพื่อเรียกร้องให้ตนลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น เป็นการกระทำที่ถือเป็นการบ่อนทำลายสโมสร จากรายงานข่าวเมื่อวันศุกร์ที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา
มีการคาดหมายว่า มหาเศรษฐีจากแดนลุงแซม ไม่พอใจที่ แพร์รี่ เลือกที่จะอยู่ข้างเดียวกับ จอร์จ ยิลเล็ตต์ เจ้าของร่วมอีกคนหนึ่งของสโมสร หลังหุ้นส่วนมะกันทั้ง 2 คนเริ่มมีปัญหาขัดแย้งกันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้ง ฮิคส์ ยังเชื่อว่า ซีอีโอ "หงส์แดง" ล้มเหลวในการคว้าตัวนักเตะเข้าสู่ทีมตามที่ ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีมต้องการ และหารายได้เข้าสู่สโมสรได้ไม่มากเท่าที่ควร
อย่างไรก็ตาม แพร์รี่ ก็ออกมาตอบโต้ว่า ฮิคส์ ไม่ควรทำให้สมาธิของทีมต้องไขว้เขวก่อนจะลงทำศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ โดยกล่าวกับ "สกาย สปอร์ตส์ นิวส์" สำนักข่าวกีฬาชื่อดังแดนผู้ดีว่า "ในสัปดาห์นี้มันไม่ควรมีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้น เรื่องที่สำคัญควรเป็นเรื่องของทีม มันสร้างความเสียหายให้พวกนักเตะ, ผู้จัดการทีม และแฟนบอล ในสัปดาห์ที่เราคว้าชัยชนะอันยอดเยี่ยมได้ในเกมยุโรป และมันก็มีเรื่องที่จะต้องสะสางกันเพิ่มขึ้น"
"ผมยังไม่เห็นจดหมายฉบับดังกล่าว และพวกคุณก็คงรู้เกี่ยวกับจดหมายฉบับนั้นดีกว่าผมอยู่แล้ว ครอบครัวของผมเห็นมันในโทรทัศน์ช่องสกาย สปอร์ตส์ ดังนั้นพวกเขาจึงยินดีมากเลยทีเดียว" บิ๊กบริหาร "หงส์แดง" กล่าว
นอกจากนี้ แพร์รี่ ยังยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนมากขึ้นว่าปัญหาความไม่แน่นอนในตำแหน่งเจ้าของสโมสรนั้นจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขในทันที หลัง ฮิคส์ ต้องการซื้อหุ้นทั้งหมดของ ยิลเล็ตต์ แต่ทั้งคู่ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ ส่งผลให้การพิจารณาข้อเสนอขอซื้อกิจการสโมสรของกลุ่มลงทุนจาก ดูไบ ต้องพลอยหยุดชะงักไปด้วย
"ไม่มีใครที่ใหญ่ไปกว่าสโมสร มันไม่ใช่ผมแน่นอน สโมสรน่าจะดำเนินไปด้วยดี แต่นี่ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงการขาดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของผู้บริหาร ผมก็แค่ทำงานของผมไปเรื่อยๆ" แพร์รี่ กล่าวในที่สุด

ไม่มีความคิดเห็น: