วันศุกร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2551

หงส์แดงเจอมรสุมวงในฮิคส์เรียกร้องแพร์รี่ออก


ลิเวอร์พูล ต้องพบมรสุมวงในอีกครั้ง เมื่อ ทอม ฮิคส์ เจ้าของร่วมสโมสร ต้องการล้างบางศัตรูภายใน โดยเรียกร้องให้ ริค แพร์รี่ หัวหน้าฝ่ายบริหารสูงสุด ลาออกจากตำแหน่ง ทว่าไม่สมหวังง่ายๆ เมื่อ แพร์รี่ หวังพึ่งบารมี จอร์จ ยิลเล็ตต์ เจ้าของร่วมอีกราย เพื่อนั่งเก้าอี้ต่อ พร้อมสวนกลับ ตัวเองไม่ใช่ปัญหา หากแต่วิธีแก้ควรเหลือเจ้าของคนเดียว หรือไม่ก็เปลี่ยนเจ้าของเป็นรายใหม่ไปเลย
สื่ออังกฤษ ออกมาเปิดเผย เมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมาว่า สโมสร "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทีมดังใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยังคงมีปัญหายุ่งเหยิงภายใน โดยล่าสุด เก้าอี้ของ ริค แพร์รี่ หัวหน้าผู้บริหารสโมสร ที่อยู่ในตำแหน่งมายาวนานครบทศวรรษ กำลังเจอเรื่องยุ่ง เมื่อได้รับจดหมายจาก ทอม ฮิคส์ เศรษฐีอเมริกัน และเจ้าของร่วมสโมสร ที่เรียกร้องให้เขาลาออก ในเวลานี้
แพร์รี่ ที่เคยทำงานในองค์กรใหญ่ เป็นผู้บริหารสูงสุดใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก่อนเข้ามารับงานซีอีโอในถิ่นแอนฟิลด์ เมื่อปี 1998 เคยแสดงความยินดีในการเข้ามาเทกโอเวอร์ของ ฮิคส์ และ จอร์จ ยิลเล็ตต์ เมื่อปีที่แล้ว ทว่าภายหลังทั้งคู่เกิดแตกคอ ทำให้ แพร์รี่ ต้องเลือกข้าง และดูเหมือนจะโน้มเอียงไปทางฝ่าย ยิลเล็ตต์ เนื่องจากยินยอมจะทำตามข้อเรียกร้องของแฟนบอล ที่อยากให้ทั้งคู่เทขายหุ้นทิ้งทั้งหมด
แพร์รี่ เริ่มกลายเป็นหอกข้างแคร่ของ ฮิคส์ ที่แสดงความเป็นนักสู้ในทันที และอาศัยอำนาจเจ้าของทีม ส่งจดหมายเรียกร้องให้อีกฝ่ายพิจารณาตัวเอง เมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา หรือเพียง 2 วัน หลังจาก ลิเวอร์พูล เพิ่งประสบความสำเร็จ คว่ำ อาร์เซน่อล และตีตั๋วเข้ารอบตัดเชือก ถ้วยแชมเปี้ยนส์ ลีก กระนั้น แพร์รี่ ประกาศฮึดสู้ และจะไม่ลาออกด้วยตัวเอง โดยหวัง ยิลเล็ตต์ เป็นเกราะกำบัง เนื่องจากต่างฝ่ายต่างถือหุ้นเท่ากัน 50 เปอร์เซ็นต์
"ผมยังคงมีความตั้งใจเดิมที่จะอยู่ในตำแหน่งและรับใช้สโมสร ลิเวอร์พูล อย่างสุดความสามารถของตัวเอง โดยเฉพาะกับช่วงสำคัญของฤดูกาลในเวลานี้" แพร์รี่ ประกาศ หลังมีข่าวได้รับจดหมายบีบให้ลาออก
ส่วนสาเหตุลึกๆ ที่สำนักข่าวอังกฤษ เปิดเผยถึงความพยายามของ ฮิคส์ ในเวลานี้ อาจเป็นเพราะไม่พอใจคำให้สัมภาษณ์ของ แพร์รี่ เมื่อเดือนที่แล้ว ที่กล่าวสนับสนุนให้กลุ่มลงทุน ดูไบ เข้ามาเทกโอเวอร์แทน
แพร์รี่ เคยกล่าวกับสำนักข่าว บีบีซี เกี่ยวกับเรื่องวุ่นวายของสองนายใหญ่ว่า "ความหวังเดียวของเราคือสามารถคลี่คลายปัญหาอย่างรวดเร็วในตอนนี้ มันเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อมานานพอแล้ว และถึงเวลาที่ต้องหาวิธีจัดการแบบเด็ดขาดและให้รวดเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ โดยหากพวกเขาทั้งคู่ยังไม่สามารถคืนดีและร่วมงานเป็นหนึ่ง ทางที่ดีก็ควรมีฝ่ายใดถือหุ้นเป็นเจ้าของเพียงคนเดียวไปเลย หรือไม่งั้นก็ขายทิ้งและออกไปทั้งคู่แทน"

ไม่มีความคิดเห็น: