วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ตอร์เรสตั้งเป้าพาหงส์ซิวแชมป์ลีก


เฟร์นานโด ตอร์เรส กองหน้าเบอร์ 1 ลิเวอร์พูล รับถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก คือเป้าหมายอันดับ 1 ของพลพรรค "หงส์แดง" ในซีซั่นนี้ พร้อมเปิดใจ บอกรู้สึกยินดีที่มีโอกาสได้ลงเล่นเคียงข้าง ร็อบบี้ คีน ดาวยิงเพื่อนร่วมทีมคนใหม่
เฟร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงหน้าหยก ลิเวอร์พูล ออกมายอมรับว่า การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก คือเป้าหมายอันดับ 1 ของพลพรรค "หงส์แดง" ในฤดูกาลนี้ โดย "เอล นินโญ่" เปิดฉากซีซั่นใหม่ได้อย่างงดงาม ด้วยการสวมบทฮีโร่ยิงประตูชัยให้ต้นสังกัดบุกไปเชือด ซันเดอร์แลนด์ หวุดหวิด 1-0 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ตอร์เรส ซึ่งซีซั่นก่อนซัดให้ ลิเวอร์พูล ไปถึง 24 ประตูนับเฉพาะในลีก กล่าวว่า "เป้าหมายของเราอยู่ที่ พรีเมียร์ลีก และเราก็รู้ว่า การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก มาให้แฟนบอลของเรานั้น มีความสำคัญมากแค่ไหน มันผ่านมานานหลายปีเกินไปแล้ว และเราก็มีสมาธิอยู่กับการคว้าแชมป์ลีก มันเป็นเรื่องสำคัญที่เริ่มต้นด้วยชัยชนะ หลังจากเกมที่ไม่ดีมากนักใน แชมเปี้ยนส์ ลีก"
ร็อบบี้ คีน กองหน้าตัวใหม่ของ ลิเวอร์พูล ทำผลงานได้ไม่ดีนักในเกมกับ ซันเดอร์แลนด์ ถึงกระนั้น หัวหอกทีมชาติสเปน ก็ยืนยันว่า รู้สึกยินดีที่ได้ลงเล่นเคียงข้างนักเตะชั้นยอดอย่าง "คีนน้อย" โดยระบุว่า "ผมอยากลงเล่นกับนักเตะชั้นดีอย่าง ร็อบบี้ เสมอ และเขาก็ทำผลงานได้ดีสำหรับผม รวมถึงทีมของเรา นั่นเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่า"

วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

หงส์เซ็น4ปีซิวคีนร่วมทัพพร้อมหันล่าแบร์รี่อีกครั้ง


ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลได้เซ็นสัญญา 4 ปีกับ ร็อบบี้ คีน เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม 2551 ในราคาค่าตัว 20.3 ล้านปอนด์ (ราว 1,319.50 ล้านบาท) ก่อนไล่ล่า แกเร็ธ แบร์รี่ มาเล่นในถิ่นแอนฟิลด์ให้ได้ ตามรายงานข่าวจากอังกฤษ
ลิเวอร์พูล มหาอำนาจลูกหนังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ออกแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์ประจำสโมสร เมื่อวันจันทร์ที่ 28 ก.ค. ที่ผ่านมาว่า สโมสรจัดการกระชากตัว ร็อบบี้ คีน ยอดดาวยิง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สโมสรร่วมลีก มาเสริมคมเป็นเวลา 4 ปี เรียบร้อยแล้ว
"คีโน่" ผ่านการตรวจร่างกายกับ "หงส์แดง" ได้อย่างไม่มีปัญหาที่สนามซ้อมเมลวู้ด และค่าตัวการโยกย้ายสู่รังแอนฟิลด์ครั้งนี้อยู่ที่ 19 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,273 ล้านบาท) และอาจเพิ่มขึ้นเป็น 20.3 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,360 ล้านบาท) ขึ้นอยู่กับเงินโบนัส
ถึงแม้ว่า ดาเนี่ยล เลวี่ เจ้าของทีม "ไก่เดือยทอง" จะไม่ค่อยสบอารมณ์กับการกระทำของ ลิเวอร์พูล เกี่ยวกับเซ็นสัญญาครั้งนี้ แต่ คีน ก็ได้พยายามทำให้ทุกอย่างให้คลี่คลายลง ด้วยการระบุว่า "ผมอยากจะบันทึกคำขอขอบคุณไปให้กับบอร์ดบริหาร บรรดานักเตะ และแฟนบอลของ ท็อตแน่ม ทุกคน ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่สุด และสร้างความสุขให้กับชีวิตการเล่นของผมมากเหลือเกิน"
"ผมจะไม่ลืมพวกเขาเลย ผมอยากขอบคุณ ดาเนี่ยล เลวี่ เจ้าของทีม เป็นพิเศษ ที่เข้าใจเรื่องดังกล่าว ในฐานะแฟนบอล การได้ย้ายไปเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล ถือเป็นความฝันของผมมาอย่างยาวนาน และผมก็ไม่สามารถปล่อยให้โอกาสนี้ผ่านเลยไปได้"
"ผมหวังว่าสักวันหนึ่งแฟนบอล สเปอร์ส ที่ยอดเยี่ยมต่อตัวผมเสมอมา จะเข้าใจในเรื่องนี้เช่นกัน ผมมีแต่เรื่องดีๆที่จะพูดถึงช่วงเวลาที่ได้อยู่กับ ท็อตแน่ม และก็คิดว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆภายใต้การทำงานของ ฆวนเด้ รามอส และ ดาเนี่ยล เลวี่" กองหน้าทีมชาติสาธารณรัฐไอร์แลนด์ วัย 28 ปี กล่าวในที่สุด

วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

หงส์ดึงแบ็กซ้ายดาวรุ่งกระทิงเสริมทัพ


"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เสริมทัพอีกแล้ว โดยงานนี้สร้างความประหลาดใจด้วยการสอยตัว เอ็มมานูเอล เมนดี้ แบ็กซ้ายวัย 18 ปีของมูร์เซีย เดปอร์ติโบ ทีมระดับดิวิชั่น 3 ของแดนกระทิงดุ มาเล่นในถิ่นแอนฟิลด์ แบบไม่มีค่าตัว โดยนักเตะสลัดน้ำหมึกเซ็นสัญญา 3 ปี และเตรียมถูกส่งไปลับแข้งกับทีมสำรอง
สโมสร ลิเวอร์พูล มหาอำนาจลูกหนังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก ทำเซอร์ไพรส์จัดการคว้าตัว เอ็มมานูเอล เมนดี้ กองหลังดาวรุ่งจาก มูร์เซีย เดปอร์ติโบ ทีมในศึกดิวิชั่น 3 ของสเปน แบบไม่มีค่าตัว โดยนักเตะได้จรดปากกาเซ็นสัญญา 3 ปี ในถิ่นแอนฟิลด์ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เรียบร้อยแล้ว
ดาวเตะวัย 18 ปี ที่เล่นในตำแหน่งแบ็กซ้าย ได้รับความสนใจจาก "หงส์แดง" อย่างมาก เพราะแม้ว่านักเตะจะตัวเล็ก แต่เขามีพละกำลังเหลือล้น โดย เมนดี้ จะเตรียมลงแย่งตำแหน่งในทีมสำรองของ ลิเวอร์พูล ซึ่งมี แกรี่ แอ็บเล็ตต์ อดีตตำนานกองหลัง "เดอะ เร้ดส์" ทำหน้าที่เป็นกุนซือ

เบนายูนมั่นใจหงส์แดงพร้อมสู้ฤดูกาลใหม่แล้ว


ยอสซี่ เบนายูน ปีกเลือดยิวของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เชื่อตอนนี้ทีมพร้อมสำหรับสู้ศึกพรีเมียร์ลีก ซีซั่นใหม่ ถึงฟอร์มในช่วงอุ่นเครื่องจะไม่สวยหรูนักก็ตาม แต่หากมองในภาพรวมแล้วก็เริ่มมีความลงตัวทุกตำแหน่ง
ยอสซี่ เบนายูน กองกลางทีมชาติอิสราเอลของ ลิเวอร์พูล สโมสรขวัญใจมหาชนแห่งศึกพรีเมียร์ลีก ออกมาเผยว่า ตอนนี้ "หงส์แดง" เริ่มกลับมาสู่ฟอร์มที่เข้าที่เข้าทางแล้ว แม้ว่าเกมอุ่นเครื่องนัดล่าสุด เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา จะเสมอ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน 0-0 ก็ตาม
ช่วงที่ผ่านมา "เดอะ เร้ดส์" มีผลงานช่วงปรีซีซั่นไม่ค่อยสวยหรูนัก โดยก่อนหน้านี้ ชนะ ลูเซิร์น 2-1 และ เสมอ วิลล่า คราคอฟ 1-1 อย่างไรก็ตาม ดาวเตะเลือดยิว ชี้ว่าแม้เกมอุ่นเครื่อง ลิเวอร์พูล จะไม่ค่อยดุดันมากนัก แต่หากมองโดยรวมแล้ว ทีมมีความพร้อมเต็มที่สำหรับการลุ้นแชมป์ลีกเมืองผู้ดีฤดูกาลใหม่แล้ว
"เราเล่นกับทีมที่แข็งแกร่งซึ่งพวกเขาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม และนี่เป็นบททดสอบที่ดีสำหรับเราจริงๆ ผมเชื่อมั่นว่าเราจะพัฒนาการเล่นขึ้นไปเรื่อยๆ และเราจะพร้อมสำหรับฤดูกาลใหม่ มันก็คล้ายๆ กับเกมฟุตบอลถ้วยยุโรป เพราะเราเห็นแฟนบอลมากมายเข้ามาเชียร์ และอยากเห็นเราคว้าชัยชนะ แต่ไม่ได้มีตัวสำรองมากมายอย่างที่คุณคาดคิดเอาไว้ เพราะมันเป็นเกมที่สำคัญสำหรับทั้ง 2 สโมสร" กองกลางสายเลือดยิว กล่าว
"เรามีโอกาสงามๆ พอสมควรซึ่งก็รวมถึงจังหวะจุดโทษด้วย แต่สิ่งที่คุณสามารถพูดได้ก็คือนี่เป็นเกมปรีซีซั่นเท่านั้น ผมรู้สึกดีในช่วง 2-3 เกมที่ผ่านมา ผมไม่ได้เล่นมากนักในเกมพบ แฮร์ธ่า เพราะได้รับบาดเจ็บนิดหน่อยในช่วงฝึกซ้อม แต่ผมก็ยังได้ลงสนาม และคิดว่าผมก็ทำผลงานได้ค่อนข้างดีทีเดียว หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผมจะพัฒนาขึ้นพร้อมกับเพื่อนร่วมทีม" อดีตดาวเตะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด กล่าว

วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

มาสเคมั่นใจหงส์มีผลงานดีกว่าเดิม


ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ มิดฟิลด์ ลิเวอร์พูล มั่นใจต้นสังกัดจะทำผลงานได้ดีกว่าที่ผ่านมา หลังล้มเหลวตลอดช่วง 2 ซีซั่นหลังสุด พร้อมเชื่อ เฟร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงตัวเก่ง จะมีบทบาทสำคัญกับทีม พร้อมลั่นขอทุ่มเทเต็มร้อยเพื่อ "หงส์แดง" ต่อไป
ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ กองกลาง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก ออกมากล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ว่า เขามั่นใจว่าต้นสังกัดจะทำผลงานได้ดีกว่าที่ผ่านมา หลังจากประสบความล้มเหลวมาตลอดใน 2 ช่วงฤดูกาลล่าสุด และเชื่อว่า เฟร์นานโด ตอร์เรส ยอดหัวหอกทีมชาติสเปน จะมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยให้ทีมมีฤดูกาลที่พิเศษ
ดาวเตะทีมชาติอาร์เจนตินา ออกมากล่าวหลัง ลิเวอร์พูล เสมอ วิสลา คราครอฟ 1-1 ในเกมอุ่นเครื่องที่สวิตเซอร์แลนด์ ว่า เขาอยากให้ต้นสังกัดมีผลงานที่ดีขึ้นกว่าฤดูกาลที่ผ่านมา และเชื่อว่าการทำงานอย่างหนักในช่วงเก็บตัวปรี-ซีซั่นที่อินเตอร์ลาเค่นจะส่งผลให้ทีมประสบความสำเร็จ
"เราทำงานอย่างหนักในช่วงปรี-ซีซั่นซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญ เราต่างต้องการประสบความสำเร็จที่สโมสรแห่งนี้ และเรารู้สึกว่าเราสามารถทำได้ดีกว่าฤดูกาลที่ผ่านมา เรามีนักเตะชั้นยอดและเราก็มีจิตใจของผู้ชนะ"
"ถ้าคุณดู เฟร์นานโด ตอร์เรส คุณสามารถเห็นได้ว่าเขาเป็นนักเตะที่พิเศษ เขาเป็นนักเตะสำคัญของเราเช่นเดียวกับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด และถ้าคุณต้องการคว้าแชมป์รายการสำคัญ มันก็สำคัญสำหรับเราที่มีนักเตะอย่างพวกเขา"
"เราหวังว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดีสำหรับเราและพวกเขา สำหรับผมแล้ว ผมพยายามทำอย่างดีที่สุดเพื่อทีมและหวังว่านี่จะเป็นฤดูกาลที่พิเศษสำหรับเรา" มาสเคราโน่ กล่าว

วันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

โธมัสยกตอร์เรสครบเครื่องทุกอย่าง


ไมเคิ่ล โธมัส อดีตดาวเตะ ลิเวอร์พูล ยก เฟร์นานโด ตอร์เรส ถือเป็นสุดยอดนักเตะทัพ "หงส์แดง" ยุคปัจจุบัน ชี้ทีมน่าจะสมหวังซิวแชมป์ลีกสูงสุดมาประดับตู้โชว์ได้แน่ หากทั้งดาวยิงสายเลือดสแปนิช และ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ประสานงานกันระเบิดฟอร์มสุดยอดต่อเนื่อง
ไมเคิ่ล โธมัส อดีตมิดฟิลด์ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ออกปากยกย่อง เฟร์นานโด ตอร์เรส กองหน้าทีมชาติสเปน ในฐานะเป็นสุดยอดผู้เล่นอย่างแท้จริง มั่นใจการประสานงานกันระหว่าง "เอล นินโญ่" กับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ห้องเครื่องกัปตันทีม น่าจะทำให้สโมสรสมหวัง ผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้อย่างแน่นอน
หัวหอกวัย 24 ปี ย้ายจาก แอตเลติโก มาดริด มาสู่ถิ่น แอนฟิลด์ ด้วยค่าตัว 22 ล้านปอนด์ (ราว 1,386 ล้านบาท) ในช่วงซัมเมอร์ที่แล้ว และรีดฟอร์มระเบิดประตูคู่แข่งไปทั้งสิ้น 33 ลูกในฤดูกาลแรกกับทีม โดยทั้ง ตอร์เรส กับ "สตีวี่จี" ถล่มประตูรวมกันไปทั้งสิ้น 55 ลูก ถือเป็นเครื่องจักรสังหารอย่างแท้จริง
โธมัส กล่าวว่า "ผมได้ดูเกมของ ลิเวอร์พูล หลายต่อหลายนัดในช่วงที่ผ่านมา ตอร์เรส ถือเป็นผู้เล่นที่น่าชื่นชมมากๆ เกมกับ นิวคาสเซิ่ล ซึ่งเขาทำประตูที่ 2 และป้อนลูกที่ 3 แสดงให้เห็นว่า ฝีเท้าของเขายอดเยี่ยมขนาดไหน คู่แข่งไม่อาจหยุดยั้งเขาได้เลยในวันนั้น ผมได้ยินบางคนบอกว่า เขาไม่ใช่กองหน้าโดยธรรมชาติ และพวกเขาก็ประหลาดใจกับศักยภาพการถล่มประตูของเขาเหลือเกิน แต่ผมว่ามันไม่ใช่"
"ผมรู้เรื่องราวเกี่ยวกับตัวเขาเล็กน้อยก่อนเขาย้ายมาอยู่อังกฤษ เขามีทุกอย่างทั้งฝีเท้า, พละกำลัง, เทคนิค, สัมผัสบอล, การอ่านเกม เขาเป็นกองหน้าที่สมบูรณ์แบบจริงๆ การประสานงานร่วมกับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด นั้นถือเป็นการทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามอย่างแท้จริง หากพวกเขายังคงเล่นได้เช่นนั้นต่อไป ทีมก็น่าจะมีผลงานดีขึ้นเรื่อยๆ" อดีตดาวเตะ "เร้ด แมชีน" ตบท้าย

วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ฟิลิปป์ เดเก้น เด็กใหม่หงส์แดง



หลังการเจรจาต่อสัญญาของ ฟิลิปป์ เดเก้น กับ สโมสรโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ต้นสังกัดเก่ามีอันต้องล้มลงไปเมื่อวันที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมา นั่นเท่ากับ เป็นสัญญาณส่งตรงข้ามประเทศไปยัง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ยักษ์หลับแห่งศึกพรีเมียร์ชิพ อังกฤษ ให้เดินหน้าเต็มสูบในการเจรจาคว้าตัว เดเก้น มาร่วมทีม หลังตกเป็นข่าวโยงใยอย่างเหนียว แน่นมาตลอด
ฮันส์-โยอาคิม วัตซ์เค่ กรรมการผู้จัดการสโมสรดอร์ทมุนด์ กล่าวผ่าน "บิลด์" หนังสือพิมพ์ดังประจำเมืองเบียร์ในครั้งนั้น ว่า "เรายื่นข้อเสนอต่อสัญญาให้กับเขาแล้ว แต่ก็ยังคงไม่ มีเสียงตอบรับจากทั้งตัวเขาเอง หรือเอเยนต์ของเขา เราไม่ต้องการรอคอยเวลาให้ยืดเยื้ออีกต่อไป สำหรับเราแล้ว ประเด็นในเรื่องของการต่อสัญญาจึงจบสิ้นลงแล้ว"

และในที่สุดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล ก็สามารถบรรลุข้อตกลงในการเซ็นสัญญาคว้าตัว ฟิลิปป์ เดเก้น แบ็กขวาทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ มาร่วมทัพอย่างเป็นทางการเรียบ ร้อยด้วยสัญญา 4 ปี แบบไม่มีค่าตัว หลังเจ้าตัวหมดสัญญากับ ดอร์ทมุนด์ ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีมชาวสเปนของ "หงส์แดง" เคยเอ่ยปากผ่านสื่อว่าตนกำลังจะดำเนินการเซ็นสัญญาคว้านักเตะมาเสริมแนวรับ สำหรับใช้สู้ศึกในฤดูกาลที่จะ ถึงนี้ นั่นเท่ากับว่าการมาของ ฟูลแบ็กชาวสวิส จะทำให้จุดมุ่งหมายของ ราฟา บรรลุไปหนึ่งขั้นเรียบร้อย
แม้ก่อนหน้านี้ เดเก้น จะมีปัญหาอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาฉีก จนส่อแววพลาดไปร่วมศึกยูโร 2008 แต่จนแล้วจนรอด โคบี้ คูห์น กุนซือแดนนาฬิกาก็หนีบเจ้าตัวไปร่วมทีมใน สภาพร่างกายที่ยังไม่ฟิตเต็มร้อย จนเป็นเหตุให้สามเกมในรอบแรกของเจ้าภาพร่วม ฟิลิปป์ เดเก้น ไม่เคยได้ลงสนามเลยแม้แต่นาทีเดียว
แต่นั่นไม่ได้เป็นประเด็นที่ ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือ "หงส์แดง" จะเก็บเอามาคิดมาก ราฟา กล่าวผ่านเว็บไซต์ของสโมสรว่า "ฟิลิปป์ยังอายุน้อยอยู่ แต่เขาได้รับประสบการณ์อย่าง มากมายในเวทีบุนเดสลีกากับดอร์ทมุนด์ และในระดับทีมชาติ นอกจากนี้ เขายังเคยลงเล่นในเกมระดับสูงอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ระหว่างที่ค้าแข้งอยู่กับ บาเซิ่ล มาแล้วอีกด้วย"
" ด้วยเหตุนี้เราจึงไม่กังวลเกี่ยวกับตัวเขาว่าจะสามารถรับมือกับเกมฟุตบอลระดับสูงได้หรือไม่ เขาเป็นนักเตะที่เล่นเกมบุกด้วยพลังที่เหลือเชื่อและมีจิตใจแห่งชัยชนะ พละกำลัง ของเขากำลังก้าวไปข้างหน้า ผมมั่นใจว่า เขาจะสามารถพิสูจน์ตัวเองว่ามีคุณภาพเพียงพอสำหรับทีมของเรา" กุนซือชาวสเปน ให้ทรรศนะ

ฟูลแบ็กชาวสวิส เริ่มต้นฝึกฟุตบอลร่วมกับน้องชายฝาแฝด เดวิด เดเก้น กับทีมเยาวชนของสโมสรโอเบอร์ดอร์ฟ ในประเทศเยอรมัน โดยในครั้งนั้นเจ้าตัวมีวัยเพียงแค่ 7 ขวบเท่า นั้น ก่อนที่ 6 ปีให้หลังเจ้าตัวจะย้ายกลับมายังบ้านเกิดและเริ่มต้นเล่นฟุตบอลกับทีมเยาวชนของสโมสรเอฟซี บาเซิ่ล
ด้วยวัยเพียง 19 ปี ฟิลิปป์ ก็สามารถก้าวขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่ของสโมสรและเป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดคว้าแชมป์ลีกในประเทศได้เป็นผลสำเร็จหลังจากที่สโมสรต้องรอคอยมานานถึง 22 ปี
ภายใต้การลงเล่นในถิ่น เซนต์ จาค็อบ พาร์ค 4 ฤดูกาล ฟูลแบ็กชาวสวิส สามารถคว้าแชมป์กับต้นสังกัดได้ถึง 4 ครั้งด้วยกัน โดยแบ่งเป็นแชมป์ลีก 3 สมัย และแชมป์ฟุตบอลถ้วย อีกหนึ่งสมัย ก่อนที่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทีมลูกหนังประจำเวที บุนเดสลีกา เยอรมัน จะคว้าตัวไปร่วมทีมแบบไม่มีค่าตัว และลงเล่นในถิ่น ซิกนัล อิดูน่า พาร์ค 3 ฤดูกาล ก่อนที่จะตัดสินใจย้ายมา ยังแอนฟิลด์
ดาวเตะทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ให้สัมภาษณ์ผ่านเว็บไซด์หลังเดินทางมาร่วมฝึกซ้อมเป็นวันแรกที่ สนามซ้อมเมลวู้ด ว่า "เพื่อนร่วมทีมทุกคนที่นี่ให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดี ทุกคนรู้ เกี่ยวกับเรื่องการย้ายทีมในครั้งนี้ รายละเอียดทุกอย่างมันชัดเจนตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ตอนนี้ผมดีใจมาก ที่ทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจน"

"ผมต้องปรับตัวนิดหน่อยกับกับเวทีพรีเมียร์ลีก เพราะที่นี่เล่นบอลกันเร็วกว่าในเยอรมัน แต่มันก็เป็นย่างก้าวที่พัฒนาขึ้น การย้ายทีมครั้งนี้นับเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับผม เพราะ สโมสรลิเวอร์พูลแห่งนี้ ไม่ได้เป็นแค่สโมสรทั่วไป พวกเขาเล่นในลีกสูงสุด และแชมเปี้ยนส์ ลีก ทุกปี"
นอกจากนี้ เดเก้น ยังมองถึงการแย่งชิงตำแหน่งแบ็กขวาตัวจริงในถิ่นแอนฟิลด์ด้วย เนื่องจากในตอนนี้ทีมมีทั้ง สตีฟ ฟินแนน และ อัลบาโร่ อาร์เบลัว ประจำการอยู่ตำแหน่งดัง กล่าว "พวกเขาเป็นนักเตะที่ดีมากและมันเป็นเรื่องยาก แต่ผมพร้อมสำหรับความท้าทายและเฝ้ารอการแย่งตำแหน่งตัวจริง ผมเป็นนักเตะที่มีความเร็วซึ่งถนัดเติมเกมรุก ผมชอบบุกและวิ่งขึ้น ลงตรงริมเส้น ผมยังมีเทคนิคที่ดี ผมหวังว่าจะได้เล่นบทบาทสำคัญในอนาคต"
ขณะที่ในเรื่องของการลุ้นแชมป์ กองหลังทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ได้ออกมาแสดงความมั่นใจว่า "หงส์แดง" มีลุ้นที่จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองเช่นกัน หากรักษาความคงเส้น คงวาไว้ได้ "ผมมั่นใจว่าเราสามารถมีลุ้นแชมป์ เพราะเรามีทีมที่แข็งแกร่งมาก นักเตะอย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด และ เฟร์นานโด ตอร์เรส สามารถเป็นแกนหลักของทีมได้สบาย แต่ต้องไม่ลืมว่าเรา ยังมีคู่แข่งที่แข็งแกร่งอย่างแชมป์เก่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี ดังนั้น เราจะต้องคงเส้นคงวาให้มาก"
"แต่ก็อย่างว่า พรีเมียร์ลีก เป็นฤดูกาลที่ยาวนานและทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ แต่เราจะเข้าสู่เกมแรกของฤดูกาลด้วยความหวังว่าจะทำผลงานอย่างดีที่สุด ผมต้องการให้สโมสรประสบความสำเร็จและผมจะทำอย่างดีที่สุดเพื่อให้แน่ใจว่า ลิเวอร์พูล คว้าชัยชนะ" เดเก้น กล่าวทิ้งท้าย

แฟ็กไฟล์
ชื่อ : ฟิลิปป์ เดเก้น
สัญชาติ : สวิตเซอร์แลนด์
เกิด : 15 กุมภาพันธ์ 1983
อายุ : 25 ปี
สูง/น้ำหนัก : 186 ซม./83 กก.
สโมสรเดิม :
2001-2005 เอฟซี บาเซิ่ล ลงสนาม 83 นัด/ 4 ประตู
2005-2008 โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ลงสนาม 68 นัด/ 1 ประตู
2008 - ? ลิเวอร์พูล
เกียรติประวัติ :
แชมป์ซูเปอร์ลีกสวิตเซอร์แลนด์ 2002, 2004, 2005
แชมป์สวิตเซอร์แลนด์คัพ 2003
ติดทีมชาติ : 30 นัด
weeza

วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

หงส์จิกเดเก้นเข้ารังสมใจ,ราฟาชมเปาะมีแววโรจน์


ฟิลิปป์ เดเก้น แบ็กขวาทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ กลายร่างเป็นสมาชิกใหม่ของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล อย่างเป็นทางการแล้ว หลังจรดปากกาเซ็นสัญญาค้าแข้งใน แอนฟิลด์ เป็นเวลา 4 ปี "เอล ราฟา" ชมเป็นนักเตะที่มีแววโรจน์ และจะเข้ามาเติมความแข็งแกร่งให้ "เร้ด แมชีน" ได้แน่นอน
"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทีมดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ จัดการเซ็นสัญญาคว้าตัว ฟิลิปป์ เดเก้น แบ็กขวาทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ชุด "ยูโร 2008" มาร่วมทัพอย่างเป็นทางการเป็นเวลา 4 ปีแล้ว เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา
เดเก้น สามารถย้ายทีมได้อย่างอิสระ หลังหมดสัญญากับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ต้นสังกัดในเยอรมัน โดย ลิเวอร์พูล ยืนยันตั้งแต่ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาแล้วว่า กองหลังชาวเมืองนาฬิกา กำลังจะย้ายมาค้าแข้งยังถิ่น แอนฟิลด์ ก่อนจะมีการจรดปากกาเซ็นสัญญากันอย่างเป็นทางการดังกล่าว
ด้าน ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีมชาวสแปนิชของ ลิเวอร์พูล ยอมรับว่า เป็นเรื่องสำคัญที่เขาต้องเลือกคว้านักเตะที่สามารถย้ายสังกัดได้โดยไม่มีค่าตัว เพื่อนำงบประมาณที่มีอยู่นั้นไปใช้ในการเสริมความแข็งแกร่งในส่วนอื่นๆ ของทีม
"บางครั้งคุณก็สามารถหานักเตะเหล่านี้ได้ในตลาด เมื่อคุณพบนักเตะอย่างเขา ซึ่งจะไม่ทำให้เราเสียเงินเลย มันหมายความว่า คุณสามารถจะใช้เงินไปกับการปรับปรุงส่วนอื่นๆ ของทีมได้ เขาเป็นการทำสัญญาที่ดี และเป็นผู้เล่นที่มีแวว ซึ่งสามารถช่วยเสริมเกมด้านกว้างของเราให้ดีขึ้นได้" "เอล ราฟา" กล่าว

วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

หงส์ตั้งเปเยกริโน่เป็นโค้ชชุดใหญ่


ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือ ลิเวอร์พูล ดึง เมาริซิโอ เปเยกริโน่ อดีตปราการหลังชาวอาร์เจนไตน์ เข้ามาร่วมงานอีกครั้ง โดยตั้งให้เป็นสตาฟฟ์โค้ชทีมชุดใหญ่ คอยคุมนักเตะลงซ้อม แถมยังจะช่วยติวเข้มบรรดากองหลังอีกด้วย
"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล สโมสรชั้นนำแห่งศึกพรีเมียร์ลีก แต่งตั้ง เมาริซิโอ เปเยกริโน่ เข้ามาเป็นโค้ชทีมชุดใหญ่ในถิ่น แอนฟิลด์ เมื่อวันจันทร์ที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยอดีตกองหลังชาวอาร์เจนไตน์ วัย 36 ปี จะได้ร่วมงานกับ ราฟาเอล เบนิเตซ อีกครั้ง หลังเคยลงสนาม 12 นัด เมื่อปี 2005 ภายใต้การคุมทีมของกุนซือชาวสแปนิช
เบนิเตซ เผยว่า "งานของเขาคือโค้ชทีมชุดใหญ่ และลงคุมทีมฝึกซ้อม นอกจากนั้น เขายังจะคอยติวเข้มกองหลัง และช่วยดูแลทีมสำรองอีกด้วย เปเยกริโน่ มีจิตใจของผู้ชนะ เขามีความลุ่มหลงในเกม เมื่อผมขอให้เขามาที่นี่ เขาดีใจมาก แต่อันดับแรกของเขาต้องหาโรงเรียนให้ลูกๆ 3 คนเล่นฟุตบอลได้ เขาเป็นมนุษย์ลูกหนังตัวจริง"

วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ราฟาหวังประกาศศักดา!พาหงส์ผงาดซิวแชมป์ลีก


ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือ ลิเวอร์พูล มั่นใจ "หงส์แดง" มีโอกาสคว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก ซีซั่นหน้า ชี้หากทำได้จริงจะเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาชีพของตัวเอง พร้อมยันดึงนักเตะที่เหมาะสมกับทีมเข้ามาเสริมทัพอีกแน่
ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ประกาศก้องว่า ขอพาทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลหน้า ให้จงได้ ซึ่งจะส่งผลให้เป็นการยุติการรอคอยที่ยาวนานถึง 18 ปี ของแฟนบอล "เดอะ ค็อป" และจะเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาชีพของตนเอง หลังจาก "หงส์แดง" ซิวแชมป์ลีกครั้งสุดท้ายในฤดูกาล 1989-90 สมัยที่ เคนนี่ ดัลกลิช คุมทัพ
กุนซือเลือดกระทิง กล่าวว่า "การคว้าแชมป์ลีกจะเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาชีพของผม มันยากกว่าในสเปน เพราะหลายๆ ทีมที่นี่ใช้เงินจำนวนมาก เราจะพยายามทำให้ดีที่สุด ปัจจัยสำคัญของผมคือ ไม่พูดถึงเรื่องแชมป์ แต่พูดถึงการทำงานให้ดี เราต้องเข้าไปให้ใกล้คู่แข่งเพื่อที่จะมีลุ้น ถ้าเราใกล้กับทีมนำมากขึ้น เราก็สามารถคว้าแชมป์ได้แน่นอน"
"คุณต้องทำงานของคุณพร้อมกับนักเตะหลังซีซั่นจบลง และในช่วงซัมเมอร์ คุณจำเป็นต้องทำงานกับทีมงาน ปัจจัยสำคัญคือ ซื้อนักเตะที่เหมาะสมกับทีม ทั้งเรื่องสภาพจิตใจที่ต้องมีความเป็นผู้ชนะอยู่ในตัว, ชอบการแข่งขัน และอยากมาที่นี่เพื่อคว้าแชมป์ให้ได้"
"นี่เป็นปัจจัยของผม เราวิเคราะห์หลายๆ อย่างในซัมเมอร์ ยกตัวอย่างเช่น เราเสียประตูมากมายจากลูกตั้งเตะ เราจำเป็นต้องรู้ว่าทำไม เพราะซีซั่นก่อนหน้า เราเสียแค่ 6 ประตู แต่ฤดูกาลที่ผ่านมาเราเสียถึง 16 ประตู เราต้องรู้ให้ได้ว่า เพราะเหตุใด เราจะต้องพัฒนาตรงจุดนี้ และทำให้ทีมยิงได้เรื่อยๆ เราจำเป็นต้องปรับปรุงอีกถ้าเราอยากเป็นทีมที่มีลุ้นแชมป์" นายใหญ่ถิ่น แอนฟิลด์ ทิ้งท้าย

วันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ถึงเวลาหงส์ผงาดแล้ว!!คาร์ร่าเชื่อปีหน้ามีแชมป์


เจมี่ คาร์ราเกอร์ ปราการหลัง ลิเวอร์พูล ประกาศลั่นถึงเวลาแล้วที่จะคว้าโทรฟี่มาประดับตู้โชว์ในถิ่น แอนฟิลด์ หลังห่างแชมป์ลีกมานานถึง 19 ปี เชื่อซีซั่นหน้ากลับมาทวงความยิ่งใหญ่ได้แน่ พร้อมมั่นใจ ราฟาเอล เบนิเตซ จะเสริมทัพได้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
เจมี่ คาร์ราเกอร์ กองหลัง ลิเวอร์พูล ยักษ์ใหญ่แห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยอมรับว่า ถึงเวลาแล้วที่ "หงส์แดง" จะต้องคว้าแชมป์ให้ได้ในฤดูกาลหน้า หลังจากไม่ได้แชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีมานานถึง 19 ปี และปราศจากแชมป์รายการใดๆ ในซีซั่นที่ผ่านมา
อดีตปราการหลังทีมชาติอังกฤษ กล่าวว่า "สโมสรอย่าง ลิเวอร์พูล จะต้องเจอกับฤดูกาลที่ยิ่งใหญ่ในทุกๆ ฤดูกาล เราจะต้องพยายามคว้าแชมป์ทุกรายการเท่าที่เราจะสามารถทำได้ เราจะเจอกับการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่เฉพาะแค่ พรีเมียร์ลีก เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงฟุตบอลยุโรป แต่ผมเชื่อมั่นว่า เราจะประสบความสำเร็จอะไรบางอย่างในฤดูกาลหน้า"
เมื่อถูกถามว่า สโมสรจะมีการดึงนักเตะใหม่เข้ามาเสริมทัพอีกหรือไม่นั้น คาร์ราเกอร์ ให้ความเห็นว่า "แน่นอน เราจะทำเช่นนั้น เราไม่ได้แชมป์อะไรเลยเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ดังนั้น เราจึงต้องทำการปรับปรุงทีมให้ดีขึ้น และเราก็เริ่มทำไปแล้ว เราดึงนักเตะใหม่เข้ามา 2-3 ราย ผมมั่นใจว่า ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีมของเรากำลังมองหาคนที่จะดึงเข้ามาร่วมทีมอีกอย่างแน่นอน"

คาร์ร่ายกเอลนินโญ่หัวหอกเบอร์1ของโลก


เจมี่ คาร์ราเกอร์ ปราการหลัง ลิเวอร์พูล ออกโรงยกย่อง เฟร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงเพื่อนร่วมทีม เป็นกองหน้าที่ดีที่สุดในโลก หลังโชว์ฟอร์มเยี่ยมทั้งกับต้นสังกัดและทีมชาติ ชี้เป็นการทำธุรกิจที่ยอดเยี่ยมของ "หงส์แดง" และหวังว่า "เอล นินโญ่" จะรักษาฟอร์มเก่งเอาไว้ได้ต่อไป
เจมี่ คาร์ราเกอร์ กองหลัง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก ออกมากล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน ที่ผ่านมา ว่า เขาเชื่อว่า เฟร์นานโด ตอร์เรส หัวหอกเพื่อนร่วมทีม เป็นกองหน้าที่ดีที่สุดในโลก หลังจากโชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป "ยูโร 2008" จากการนำทีมชาติสเปน ทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ รวมทั้งยิงได้ถึง 33 ประตูเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา
"ผมเป็นนักเตะ ลิเวอร์พูล และผมย่อมมีอคติ แต่สำหรับผมแล้วเขาเป็นกองหน้าที่ดีที่สุด ผมดีใจที่ได้อยู่ในทีมเดียวกับเขา และมันก็เป็นการทำธุรกิจที่ยอดเยี่ยมของสโมสรเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมสำหรับ ราฟา เบนิเตซ ที่ดึงเขามาร่วมทีมและเขาก็ตอบแทนทุกคน หวังว่าเขาจะทำมันต่อไปอีก 4 หรือ 5 ปีให้กับ ลิเวอร์พูล แต่ตอนนี้ผมไม่ขอแลกเขากับใครทั้งนั้น" คาร์ราเกอร์ กล่าว

วันอังคารที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

แพร์รี่ชี้แชมป์พรีเมียร์เป็นเป้าหมายหงส์


ริค แพร์รี่ ประธานบริหาร ลิเวอร์พูล ชี้การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกคือเป้าหมายหลักของทีมในฤดูกาลหน้า หลังห่างเหินแชมป์ลีกสูงสุดมานานแล้ว ชี้ตอนนี้ "หงส์แดง" มุ่งสมาธิกับการเสริมทัพ และตั้งเป้าที่จะมีลุ้นอย่างแท้จริงในซีซั่นหน้า
ริค แพร์รี่ ประธานบริหารสโมสร "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ออกมากล่าวเมื่อวันอังคารที่ 27 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ว่า การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกจะเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งของต้นสังกัดในฤดูกาลหน้า หลังจากที่ห่างเหินจากแชมป์ลีกสูงสุดมานานถึง 18 ปีแล้ว
ก่อนหน้านี้ ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ออกมาบอกว่าโอกาสที่ต้นสังกัดจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลหน้ามีไม่มากนัก เนื่องจากคู่แข่งรายอื่นๆ มีความพร้อมมากกว่า อย่างไรก็ตาม ล่าสุด แพร์รี่ ออกมายืนยันว่า "หงส์แดง" ต้องตั้งเป้าหมายหลักเอาไว้ที่การคว้าแชมป์ลีกสูงสุดมาครองให้ได้
"เราต้องมองย้อนกลับไป เรียนรู้ และสร้างทีมสำหรับฤดูกาลหน้า ซึ่งแชมป์พรีเมียร์ลีกจะเป็นเป้าหมายสำคัญที่สุดอีกครั้ง เราพูดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ว่า ถึงแม้มีเรื่องราวนอกสนาม เราก็ต้องมุ่งสมาธิกับโปรแกรมนัดสำคัญ นักเตะทำอย่างนั้นและเราก็ผ่านเข้าไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้าตั้งแต่ยังไม่จบซีซั่น"
"เหมือนเช่นที่ผ่านมา ตอนนี้เราเริ่มต้นมุ่งสมาธิอยู่กับการปรับปรุงทีมสำหรับปีหน้า เราต้องเป็นทีมที่มีลุ้นแชมป์อย่างแท้จริง ช่องว่างของคะแนนลดน้อยลง แต่มันก็ยังไม่พอ เรามีศูนย์กลางของทีมที่ดีมาก และตอนนี้เราต้องสร้างจากจุดนั้นในช่วงซัมเมอร์" แพร์รี่ กล่าว

หงส์ขำๆข่าวขายตอร์เรส บอกเชลซีเลิกฝันได้แล้ว



ลิเวอร์พูล ออกโรงยัน เชลซี เลิกฝันถึง เฟร์นานโด ตอร์เรส กองหน้าตัวเก่ง ไปได้เลย เนื่องจากจะไม่ขายดาวยิงรายนี้ออกจากทีมแน่นอน หลัง "สิงห์บลูส์" ทำหน้าใหญ่กะทุ่ม 3,150 ล้านบาทแลกกับหัวหอกทีมชาติสเปน โดยชี้ว่าเป็นเรื่องน่าขำสิ้นดี ขณะที่ดาวเตะวัย 24 ปีย้ำสุดแฮปปี้กับ "หงส์แดง"
"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก ออกมายืนยันเมื่อวันอังคารที่ 27 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ว่า พวกเขาจะไม่ขาย เฟร์นานโด ตอร์เรส หัวหอกตัวเก่ง ออกจากทีมอย่างแน่นอน หลังจากที่มีข่าวว่า "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี พร้อมทุ่มเงินถึง 50 ล้านปอนด์ (3,150 ล้านบาท) เพื่อคว้าตัวไปร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์นี้
กองหน้าวัย 24 ปี ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมนับตั้งแต่ย้ายจาก แอตเลติโก มาดริด สโมสรแห่งศึกลา ลีกา สเปน มาร่วมทีม ลิเวอร์พูล เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา โดยยิงได้ถึง 33 ประตูในทุกรายการ แต่ก็มีข่าวออกมาว่า "หงส์แดง" อาจจะต้องขาย ตอร์เรส เพื่อนำเงินเข้าสโมสร อย่างไรก็ตาม ล่าสุดโฆษกของ ทอม ฮิคส์ เจ้าของร่วมสโมสรแห่งถิ่นแอนฟิลด์ ได้ออกมาปฏิเสธรายงานดังกล่าวแล้ว
"มันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ยาก มันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขาย ตอร์เรส ออกไป ทำไมเจ้าของจะต้องทุ่มเงินมหาศาลให้กับผู้จัดการทีมแล้วจากนั้นก็มาบ่อนทำลายด้วย? มันน่าขำสิ้นดี" โฆษกประจำตัว ฮิคส์ กล่าว
ขณะที่ ตอร์เรส ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือดังกล่าว พร้อมยืนยันว่ามีความสุขดีกับ ลิเวอร์พูล
"ผมมีความสุขมากที่ ลิเวอร์พูล ผมไม่อยากคิดถึงเรื่องพวกนั้นและมุ่งสมาธิกับยูโร 2008 หลังจบศึกยูโรผมจะไปพักผ่อนแล้วกลับมาที่ ลิเวอร์พูล นี่คือทีมผม เมืองผม และแอนฟิลด์ก็เป็นสนามของผม ผมไม่สามารถบอกได้ว่าผมรู้สึกดีแค่ไหนที่ได้เล่นให้ ลิเวอร์พูล"
"มันสำคัญมากสำหรับผมที่แฟนบอลยกย่องผมอย่างมาก มันน่าอัศจรรย์ที่เห็นชื่อผมบนเสื้อของแฟนบอล นี่เป็นเพียงแค่ฤดูกาลแรกของผมกับ ลิเวอร์พูล และผมสามารถพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่าผมอยากเล่นให้ดีขึ้นกับที่นี่ต่อไปอีกหลายปี" ดาวยิงทีมชาติสเปน กล่าว

วันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

จากพี่ถึงน้อง...



ลิเวอร์พูล ในฤดูกาล 2007-2008 อาจจะประสบความสำเร็จในแง่ของการซื้อนักเตะ เนื่องจากแค่ฤดูกาลแรกที่ เฟร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงชาวสแปนิช ลงเล่นในลีกลูกหนังเมืองผู้ดี เจ้าตัวก็ทำลายสถิติเป็นว่าเล่น อาทิ เป็นนักเตะหน้าใหม่ที่ยิงประตูได้มากที่สุด (24 ลูก) ทำลายสถิตเดิมของ รุด ฟาน นิสเตลรอย กองหน้า เรอัล มาดริด, เป็นนัก เตะที่สามารถยิงแฮตทริกได้ 2 นัดซ้อนในการลงเล่นในถิ่น แอนฟิลด์ อีกทั้งยังสามารถยิงประตูนัดเหย้าได้อีก 7 นัดติดต่อกัน
แต่ทว่าหากมองในเรื่องของการคว้าแชมป์ "หงส์แดง" จำเป็นต้องร้องเพลงรอต่อไปอีกปี เนื่องจากพวกเขาคว้าน้ำเหลวเหมือนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม สตีเว่น เจอร์ราร์ด กองกลางกัปตันทีม ยังคงมองโลกในแง่ดีสุดขีด เจ้าตัวบอกว่า หาก ตอร์เรส และ ไรอัน บาเบิล หัวหอกดาวโรจน์ชาวดัตช์ ยังคงรักษามาตรฐาน การเล่นไว้ได้เหมือนเดิมแล้วล่ะก็ พวกเขาก็มีโอกาสคว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 18 ปีได้เหมือนกัน
คุณมีอะไรอยากจะกล่าวถึง เฟร์นานโด ตอร์เรส นักเตะยอดเยี่ยมประจำสโมสรไหม?
สตีวี่จี่ - ผมดีใจที่ได้เล่นร่วมกับเขา มันเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากที่เขาอยู่กับสโมสรแห่งนี้ และเขาก็คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรมา ครองได้สำเร็จ การเคลื่อนที่ รวมถึงการวิ่งของเขาสุดยอดมาก หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเขาจะรักษาสิ่งนี้ในฤดูกาลถัดไป
นอกเหนือจาก 33 ประตูของ ตอร์เรส คุณคิดว่าแฟนบอลชอบเขาที่ตรงไหนอีก?
สตีวี่จี่ - สิ่งที่ทำให้ผมชื่นชอบบเขานอกเหนือจากการทำประตูแล้วนั่นก็คือลูกขยันของเขา รวมถึงเรื่องที่เขามีความกระตือรือร้นมากขนาดไหน โดย ปกติแล้วตอนที่คุณดึงนักเตะต่างชาติมาร่วมทีม มันย่อมมีความกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องที่ว่านักเตะเหล่านั้นจะรับมือกับทีมในพรีเมียร์ลีกที่ชอบใช้ร่างกายเข้าปะทะได้หรือไม่ รวมถึงนักเตะเหล่านั้น จะต้องใช้เวลาปรับตัวนานขนาดไหนกัน อย่างไรก็ตามจากเกมแรกที่พบกับ เชลซี เขาวิ่งพล่านไปทั่วแดนหลังของฝั่งตรงข้าม ซึ่งสร้างความลำบากใจให้กับพวกเขามากพอดู หากเขาถูกเตะเขา ก็จะรีบลุกขึ้นทันที เขารักมัน นี่เป็นสิ่งที่ผมชอบมากที่สุด เพราะผมคาดหวังเขาอยู่ตลอดเวลาว่าเขาจะต้องยิงประตูได้
ครับ เขาไม่ใช่นักเตะจำพวกขี้พุ่ง คุณแทบไม่เคยเห็นเขาพุ่งล้มเลยใช่ไหม?
สตีวี่จี่ - เขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีพละกำลังมหาศาล เขาแทบจะไม่ล้มเลย เขาแข็งแกร่งแถมยังมีบุคลิกที่ยอดเยี่ยมอีกต่างหาก หนำซ้ำยังทำงานหนักเพื่อทีม อีกด้วย เขาเป็นการซื้อที่ยอดเยี่ยมกว่าครั้งไหนๆ
แล้วเรื่องที่ ไรอัน บาเบล ซิวรางวัลนักเตะดาวรุ่งแห่งปีของสโมสร คุณมีอะไรจะพูดถึงเขาไหม?
สตีวี่จี่ - มันเป็นเรื่องที่ดี เขาเป็นนักเตะดาวรุ่ง และเขาก็สร้างความแตกต่างครั้งใหญ่ยามที่ถูกส่งลงมาจากม้านั่งข้างสนาม แถมเขายังทำผลงานได้ดี ในบางเกมที่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงอีกต่างหากเขาเป็นนักเตะแห่งอนาคต หากเขามีมุ่งมั่นที่จะเรียนรู้ต่อไปแล้วล่ะก็ เวลานั้นเขามีนักเตะที่เป็นแบบอย่างที่ยืนอยู่ข้างๆ เขา และพร้อมจะช่วยพัฒนา เกมการเล่นของเขา ทุกอย่างขึ้นอยู่กับ ไรอัน รวมถึงขึ้นอยู่กับว่าเาต้องการพัฒนาเกมการเล่นของตัวเขาเองให้ขึ้นไปอยู่ในอีกระดับมากขนาดไหน เพราะแน่นอนอยู่แล้วว่าเขามีคุณสมบัติพร้อม ทุกด้าน
จริงหรือเปล่าที่ ไรอัน ยังสามารถทำอะไรได้อีกตั้งเยอะ?
สตีวี่จี่ - ไรอัน มีศักยภาพอย่างไม่ต้องสงสัย เขาแข็งแกร่ง, รวดเร็ว, สามารถสร้างโอกาสยิงประตูได้เอง และก็สามารถยิงประตูได้ด้วย เขาทำได้ ทุกอย่าง ผมเคยเห็นเรื่องทำนองนี้ในนักเตะหลายคนมาแล้ว ในตอนที่พวกเขามีศักยภาพอย่างนี้ แต่ไม่สามารถพัฒนาขึ้นไปในอีกระดับหนึ่งได้ มันขึ้นอยู่กับ ไรอัน ว่าเขาต้องการเป็นหนึ่งในนัก เตะชั้นนำมากขนาดไหน เพราะแน่นอนอยู่แล้วเขามีคุณสมบัติพร้อมทุกประการ
หงส์ทอง

ราฟาชี้หงส์ต้องทุ่มหากหวังแชมป์


ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือ ลิเวอร์พูล กระตุ้นสโมสรทุ่มเงินซื้อนักเตะเข้ามาเสริมทัพอีก หากหวังคว้าแชมป์ในฤดูกาลหน้า ชี้ขนาด เชลซี ยังควักไปกว่า 1 พันล้านบาท เพื่อแบ็กขวาตัวใหม่คนเดียว พร้อมรับการขาด ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ ทำให้ทีมมีปัญหาในแนวรับเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา
ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก ออกมายอมรับว่า สโมสรจำเป็นต้องใช้เงินซื้อนักเตะหน้าใหม่เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งในช่วงซัมเมอร์นี้ หากต้องการจะคว้าแชมป์ในฤดูกาลหน้า หลังวืดแชมป์ไปหมดในซีซั่นที่ผ่านมา
กุนซือชาวสเปน กล่าวผ่านเว็บไซต์ของสโมสรว่า "ทุกๆ ปีคุณต้องพัฒนาอะไรหลายอย่าง เพราะทีมอื่นก็ต้องทำแบบเดียวกัน ผมคิดว่า เชลซีเพิ่งทุ่มเงิน 16 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,008 ล้านบาท) ไปกับผู้เล่นตำแหน่งแบ็กขวา (โชเซ่ โบซิงวา) แม้ว่าพวกเขาเพิ่งจะผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ตาม ปีนี้พวกเราพัฒนาขึ้นมาก เราเซ็นสัญญากับนักเตะที่ดี 2 หรือ 3 คนรวมถึงมีนักเตะที่ดีอยู่แล้วด้วย"
นอกจากนี้ อดีตเทรนเนอร์ บาเลนเซีย ยังยอมรับว่า การที่ ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ ปราการหลังทีมชาติเดนมาร์ก ได้รับบาดเจ็บกระดูกเท้าแตก จนต้องพักยาวไปตั้งแต่เดือน ก.ย. ปีก่อนและไม่สามารถกลับมาลงสนามช่วยทีมได้อีกเลยถือเป็นความเสียหายครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในฤดูกาลที่ผ่านมา
"ทีมเรามีนักเตะที่ดีกว่าเดิม เรามีทีมที่ดีกว่าเดิมด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักเตะมีความเข้าใจกันดีมากในช่วง 3 เดือนสุดท้าย เราชนะและยิงประตูได้มาก เราเกือบเข้าชิง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปีนี้เราพัฒนาขึ้นมาก เราเซ็นสัญญานักเตะที่ดี 2-3 คน แต่การขาดแคลนกองหลังส่งผลร้ายต่อเรา เจมี่ คาร์ราเกอร์ กับ ซามี่ ฮูเปีย ต้องลงเล่นมากเกินไป ทำให้เราคิดถึงแอ็กเกอร์"
"เราต้องเผชิญกับฤดูกาลที่ยากลำบาก ซึ่งมีความพิเศษและแตกต่าง แต่ในที่สุดเราก็พยายามรับมือกับมันให้ได้ มันไม่ใช่ฤดูกาลที่สมบูรณ์แบบ เพราะคุณย่อมต้องการคว้าแชมป์ให้ได้ แต่มันก็ไม่ได้เลวร้าย เนื่องจาก เราอยู่ใน 4 อันดับแรกทั้ง พรีเมียร์ลีก และฟุตบอลยุโรป แม้มันไม่เยี่ยมที่สุด แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายหรอก" นายใหญ่ถิ่น แอนฟิลด์ กล่าวในที่สุด

วันเสาร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

ชาบีปัดเตรียมลาหงส์แดง ยันไม่เคยมีข้อเสนอให้ยล


ชาบี อลอนโซ่ กองกลาง ลิเวอร์พูล ยันชัด "หงส์แดง" ยังไม่ได้เจรจาซื้อขาย หรือติดต่อข้อเสนอใดๆ ทั้งนั้นเกี่ยวกับตนเอง ชี้ข่าวทุกอย่างที่ผ่านหูผ่านตาในช่วงหลังๆ เป็นเรื่องเหลวไหลทั้งเพ หลังถูกเล่าลือมาตลอดว่าเตรียมเก็บข้าวของไปร่วมชายคา ยูเวนตุส
ชาบี อลอนโซ่ มิดฟิลด์ทีมชาติสเปน ของ ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยืนยันว่า ข่าวลือมากมายที่โยงใยตนเองเกี่ยวกับการย้ายออกจากถิ่น แอนฟิลด์ ในช่วงซัมเมอร์นี้ เป็นเรื่องที่เหลวไหลทั้งเพ เนื่อง จากยังไม่สัญญาณใดๆ ที่แสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของ "หงส์แดง" ในการเดินเรื่องซื้อขาย หรือแม้แต่การเจรจาข้อเสนอใดๆ ก็ตาม
ห้องเครื่องกระทิงดุตกเป็นข่าวเล่าลือไม่หยุดหย่อนเกี่ยวกับการย้ายทีม โดยมี เรอัล มาดริด ยอดทีมแดน กระทิงดุ เป็นสโมสรแรกที่แสดงเจตจำนงต้องการซื้อตัวไปใช้บริการ แต่ล่าสุดนั้น กลับเป็น ยูเวนตุส มหาอำนาจลูกหนังในแดนมะกะโรนี ที่กำลังรุกคืบเจรจาอย่างไม่ลดละ ตามรายงานข่าวที่ระบุว่า ฌอง-โคล้ด บล็องก์ ผู้อำนวยการทั่วไป "เบียงโคเนรี่" ได้เข้าไปพบปะกับบรรดาผู้บริหาร "หงส์แดง" เพื่อจัดการเซ็นสัญญาอดีตดาวเตะ เรอัล โซเซียดาด มาเสริมแดนกลางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อลอนโซ่ กล่าวผ่าน "เอล มุนโด้ เดปอร์ติโบ" หนังสือพิมพ์กีฬาชื่อดังในสเปน ว่า "นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่เลย มันมักจะการคาดเดาต่างๆ นานาเกี่ยวกับอนาคตของผมมาตลอดอยู่แล้ว ผมทราบดีอย่างละเอียดถี่ถ้วนถึงสถาน การณ์ของตัวผมเอง เรื่องนี้ยังไม่ได้เกิดขึ้นกับผมแต่อย่างใด"
"หากสโมสรต้องการขายผมขึ้นมาจริงๆ แล้ว ผมก็จะต้องได้รับทราบเรื่องนั้นด้วยเช่นกัน หากสโมสรอยากได้กำไรจากตัวผม เพื่อซื้อตัวนักเตะคนอื่นๆ มาร่วมทัพ ผมก็จะยอมรับการตัดสินใจแต่โดยดี และมองหาต้นสังกัดแห่งใหม่ต่อไป แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้บอกเรื่องใดๆ ทั้งนั้นกับผม ด้วยเหตุนั้น ผมจึงคิดว่าอนาคตของผมยังคงอยู่ดีมีสุขกับ ลิเวอร์พูล เช่นเดิม" กองกลางจอมวางบอล วัย 26 ปี กล่าวปิดท้าย

วันพุธที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

ลีเชื่อหงส์อยู่ไม่ไกลแชมป์พรีเมียร์ฯ


แซมมี่ ลี ผู้ช่วยกุนซือคนใหม่ ลิเวอร์พูล เชื่อ "หงส์แดง" อยู่ไม่ไกลจากตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีก แล้ว ฟันธงอีกไม่เกิน 2-3 ฤดูกาล ได้ก้าวขึ้นมาเบียดกับ แมนฯ ยูไนเต็ด และ เชลซี อย่างสนุกแน่นอน
แซมมี่ ลี ผู้ช่วยผู้จัดการทีมคนใหม่ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ยักษ์ใหญ่แห่งวงการลูกหนังเมืองผู้ดี เชื่อมั่นว่า เวลานี้ พลพรรค "เร้ด แมชีน" อยู่ไม่ไกลจากการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก แล้ว หลังร้างลาจากตำแหน่งแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีมานานแล้วถึง 18 ปี
ลี ซึ่งเพิ่งหวนกลับมาทำงานในถิ่น แอนฟิลด์ ในฐานะมือขวาของ ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีมชาวสแปนิช เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มั่นใจว่า ลิเวอร์พูล จะสามารถก้าวขึ้นมาลุ้นแชมป์ลีกอย่างจริงจังได้ในอีก 2-3 ฤดูกาลข้างหน้า หลังพัฒนาขึ้นมาอย่างมาก ภายใต้การนำทัพของ "ราฟา"
"สโมสรแห่งนี้ก้าวหน้าไปมากตลอดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ใครต่อใครพากันถามว่า เมื่อไรเราจะเป็นแชมป์ลีกเสียที และไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่คือหนึ่งในสิ่งที่แฟนบอลของเราต้องการ ลิเวอร์พูล ตั้งเป้าเอาไว้ที่ความเป็นเบอร์ 1 เสมอ และที่สโมสรแห่งนี้ คุณคงจะไม่เล็งไปที่เป้าหมายอื่น ผมไม่คิดว่า เราอยู่ไกลจากทีมที่มีลุ้นแชมป์มากนัก ผู้คนอาจจะพูดอย่างอื่น แต่ผมไม่คิดเหมือนพวกเขา" อดีตกองกลางทีมชาติอังกฤษ กล่าว

วันศุกร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

ราฟาเอล เบนิเตซ : "หงส์แดง" มีอนาคตที่ยิ่งใหญ่รออย



แม้จะจบฤดูกาลด้วยอันดับ 4 และปราศจากแชมป์เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน แต่ ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีมจอมแท็กติกของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นผลงานที่ย่ำแย่มากนัก โดยในตอนนี้เขาได้เตรียมตัวที่จะเสริมทัพครั้งใหญ่ในช่วงซัมเมอร์เพื่อหวังที่จะท้าทายแชมป์พรีเมียร์ลีก และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ให้ได้
ขณะเดียวกัน ในเรื่องอนาคตของ แฮร์รี่ คีเวลล์ ปีกซ้ายกระดูกเปราะชาวออสเตรเลีย และ ปีเตอร์ เคร้าช์ กองหน้าหุ่นเสาโทรเลช ที่ไม่แน่ว่าอาจจะไม่ได้สวมชุด "เดอะ เร้ดส์" ในซีซั่นหน้า รวมทั้งความสำเร็จของบรรดาดาวรุ่งในทีมสำรองที่ผงาดครองแชมป์ลีกสำรอง....วันนี้มาถอดรหัสความรู้สึกของ ราฟา เกี่ยวกับอนาคตของทีมกันดีกว่า
คุณเชื่อว่าคุณได้ลงทุนในตลาดซื้อขายนักเตะ ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ?
เบนิเตซ ใช่ ผมคิดเช่นนั้น เราต้องพยายามเตรียมให้พร้อมเต็มที่ แต่ก็ต้องคิดเกี่ยวกับอนาคตด้วย เราพยายามทำงานหนักเสมอเพื่อครอบครอง หรือเข้าใกล้เป้าหมายที่เราต้องการ ทุกๆ คนพูดเกี่ยวกับความแตกต่างของผู้เล่นมากมาย แต่เห็นได้ชัดว่าเราจำเป็นต้องรอคอย ผมคงต้องพยายามที่จะพูดคุยกับทางเจ้าของสโมสร (ทอม ฮิคส์ และ จอร์จ ยิลเล็ตต์) และ ริค แพร์รี่ และถ้าเราได้รับไฟเขียว เราจะก้าวไปยังเป้าหมายที่เหล่านั้น
นักเตะที่อยากได้ คือ แกเร็ธ แบร์รี่ แต่คุณต้องทำให้ผู้คนรู้ว่า ลิเวอร์พูล ได้ลงทุนอย่างถูกต้อง ?
เบนิเตซ ผมกำลังพูดคุยกับทาง มาร์ติน โอนีล เป็นการส่วนตัว ดังนั้นเขารู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ แต่ตอนนี้ผมจะต้องรอ เพราะเขาพูดว่าเขาต้องการรอจนกระทั่งจบฤดูกาล ซึ่งเราคงต้องรอ และหลังจากนั้นเราจะต้องพยายามพูดคุยกับเขาอีกครั้ง
สิ่งที่คุณชอบเกี่ยวกับ แกเร็ธ แบร์รี่ ในฐานะนักเตะ ?
เบนิเตซ ผมคิดว่าตอนนี้ต้องให้ความเคารพในตัว มาร์ติน โอนีล
คุณพูดว่าเวลาของ แฮร์รี่ คีเวลล์ กับสโมสรใกล้หมดแล้ว...
เบนิเตซ ใช่ ผมกำลังพูดคุยกับทางเอเยนต์ของเขา และพยายามหาข้อตกลงอยู่ แต่สุดท้ายเราไม่สามารถทำอะไรได้ ดังนั้นเขาน่าจะถูกปล่อยตัวหลังจบซีซั่น
ไม่ใช่การดูหมิ่นน่ะ คุณผิดหวังนิดหน่อยกับฟอร์มการเล่นของ แฮร์รี่ ช่วงระหว่างที่คุณอยู่ที่ สโมสร
เบนิเตซ ผมคิดว่าเขาโชคร้ายจริงๆ กับอาการบาดเจ็บในเกมสำคัญๆ แต่มันมีส่วนเกี่ยวข้องกับนักเตะชั้นยอดอย่างเขา และประสบความสำเร็จกับฟอร์มการเล่นของเขา
คุณคิดว่าถ้า แฮร์รี่ คีเวลล์ ฟิตเต็มร้อย เขาเหมาะที่จะเล่นให้กับคุณที่ ลิเวอร์พูล ?
เบนิเตซ ใช่ มันชัดเจน เมื่อวานนี้เขาลงฝึกซ้อมได้อย่างยอดเยี่ยม และวันนี้เขาก็ทำได้ดีด้วย เขาเป็นนักเตะที่เรารู้ว่ามีคุณภาพ และสามารถพัฒนาได้ไปอีกไกล
แล้วอนาคตของ ปีเตอร์ เคร้าช์ ล่ะ ?
เบนิเตซ ผมได้พูดคุยกับเขามาก่อน เมื่อเรายื่นข้อเสนอสัญญาฉบับใหม่ให้เขา และเราได้พูดคุยกันมาเมื่อ 2-3 วันก่อน เขารู้ว่าเราคิดอะไร และผมรู้ว่าเขาคิดอะไร เขาต้องการลงเล่นทุกสัปดาห์ เขารู้ว่า (เฟร์นานโด) ตอร์เรส อยู่ในช่วงท็อปฟอร์ม และจำเป็นต้องแย่งตำแหน่ง เราจะวิเคราะห์สถานการณ์ของเขา และของเรา เมื่อเขาอยู่ที่ เซาธ์แฮมป์ตัน ไม่มีใครพูดถึงเขา เราสัญญากับเขา และผู้คนก็วิพากษ์วิจารณ์ผม เพราะเขาไม่ค่อยยิงประตู แต่ตอนนี้ เขาเป็นนักเตะที่แตกต่างกับรายชื่อนักเตะดังๆ ถ้าเขาอยากลงเล่นทุกสัปดาห์ และย้ายทีม เรารู้ว่า พอร์ทสมัธ และสโมสรอื่นๆ ที่อยู่ตามหน้าหนังสือพิมพ์สนใจอยากเซ็นสัญญษกับ เคร้าช์ ดังนั้น เราจะรอและเฝ้าดูถ้าเราได้รับข้อเสนอเป็นที่น่าพอใจ จากนั้นเราจะพูดคุยกับเขา และเอเยนต์ของเขา
ถ้าเขาย้ายทีม ข้อเสนอที่คุณต้องการควรจะเท่าไร ?
เบนิเตซ ผมคิดว่า 15 ล้านปอนด์ (ราว 945 ล้านบาท) น่าจะเป็นราคาที่สมน้ำสมเนื้อ
คุณรู้สึกว่าเขาพัฒนามากขึ้นไหมในฐานนักเตะ ?
เบนิเตซ ใช่ เพราะเขาติดทีมชาติอังกฤษ และยิงประตูได้มากมาย และนั้นถือว่าเป็นนักเตะที่สุดยอด ผมอ่านหนังสือพิมพ์บางเล่ม แต่ผมบอกพวกเขาว่าผมจะไม่ขาย เขาสามารถอยู่กับเราได้ เพราะเขามีสัญญอยู่ที่นี่อีก 1 ปี
คุณสนใจจัดรการเปลี่ยนแปลงสัญญาเกี่ยวกับ เคร้าช์ และนักเตะคนอื่นๆ ที่ใกล้จะหมดสัญญาไหม ?
เบนิเตซ ในช่วงเวลานี้ เขามีสัญญาอยู่ 1 ปี และผมก็พอใจจริงๆ ที่มีเขาอยู่กับทีม เพราะเขาเป็นนักเตะชั้นยอด และมีความเป็นมืออาชีพสูง ดังนั้น ผมไม่สนใจที่จะพิจารณาข้อเสนอจากสโมสรอื่นๆ หรอก
คุณจะเข้าไปตลาดซื้อขายนักเตะในช่วงซัมเมอร์นี้ไหม ?
เบนิเตซ ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ เรากำลังทำงานของเรา และเตรียมทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ เราจะพูดคุยกับทางเจ้าของสโมสรเกี่ยวกับแผน และแนวความคิดของเรา และพวกเขาจะได้เห็นว่าเราไม่ได้พูดคุยเกี่ยวกับ
ทีมสำรองคว้าแชมป์ระดับประเทศ คุณรู้สึกว่าพวกเขาพร้อมที่จะขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ในซีซั่นหน้าได้ไหม ?
เบนิเตซ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะพูด เพราะพวกเขายังเป็นทีมคนหนุ่ม ความสำเร็จจากการความแชมป์มันเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับพวกเขา และได้เห็นพัฒนาการของนักเตะด้วย บรรดาแมวมอง และสต๊าฟฟ์ ทำงานได้อย่างน่าประทับใจ และคุณได้เห็นถึงพัฒนาการต่างๆ ของ เนเม็ธ, เพลสซิส หรือ อินซัว และนักเตะคนอื่นๆ แต่มันขึ้นอยู่กับนักเตะชุดใหญ่ด้วย ยกตัวอย่าถ้าคุณมีกองหน้า 3 ตัว กองหน้าดาวรุ่งฝีเท้าดีจำเป็นตั้องรอโอกาสของเขา สำหรับผมมันไม่ใช่ความรู้สึกที่จะเก็บนักเตะเอาไว้ซ้อมกับทีมชุดใหญ่ ถ้าเขาไม่มีโอกาสได้ลงเล่น ดังนั้นผมจะพยายามที่จะใช้งานนักเตะเหล่านนั้น พวกเขาจะลงฝึกซ้อมกับเราในบางครั้งระหว่างซีซั่น และถ้าพกวเขาทำผลงานได้น่าพอใจ พวกเขาสามารถได้ลงเล่น เหมือนกับ เพลสซิส หรือ อินซัว ที่แสดงให้เห็นแล้วเมื่อช่วงเร็วๆ นี้
ทีมสำรองได้พิสูจน์ความสำเร็จในการวางแผนระยะยาวกับการลงทุนมหาศาลกับนักเตะดาวรุ่ง ?
เบนิเตซ ผมคิดว่าเราเซ็นสัญญานักเตะดาวรุ่งฝีเท้าจัดจ้านมากมาย แต่ไม่ได้ใช่เงินจำนวนมหาศาลเลย ผมคิดว่ามันเป็นความแตกต่างกันมากระหว่าง อาร์เซน่อล และเรา พวกเขาใช้เงินจำนวนมหาศาลสำหรับนักเตะดาวรุ่งมากมายสำหรับช่วงระยะยาว เราได้เซ็นสัญญากับนักเตะหลายคน บางครั้งคุณจำเป็นต้องจ่ายค่าชดเชยสำหรับเรื่องนั้น ดังนั้นเรากำลังพยายามที่เจะทำในสิ่งที่ดีสำหรับเราโดยไม่ใช่จ่ายเงินมากเกินไป ถ้าผมบอกตัวเลขที่เราจ่ายให้นักเตะเหล่านั้น และสิ่งที่สโมสรอื่นๆ จ่าย ซึ่งคุณต้องประหลาดใจเลยทีเดียว
คุณมีความสุขกับพัฒนาการของพวกเขาไหม ?
เบนิเตซ ใช่ พวกเขาพัฒนาฝีเท้าไปได้ไกลมาก และเต็มไปด้วยคุณภาพ ซึ่งนั้นเป็นกุญแจสำคัญจริงๆ ถ้าคุณมีนักเตะที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์ พวกเขาย่อมสามารถพัฒนาได้อย่างง่ายได้มาก
คุณรู้สึกอย่างไรที่ อเล็กซ์ มิลเลอร์(สต๊าฟฟ์โค้ช) ตัดสินใจย้ายออกจากทีม ?
เบนิเตซ เขาเข้ามาพบผม และบอกผมว่าเขาได้รับข้อเสนอจาก ญี่ปุ่น และต้องการย้ายทีม ดังนั้น ผมบอกว่าได้เลย และแม้ว่ามันจะมีปัญหาเมื่อคุณต้องเสียใครสักคน แต่มันมีความหมายที่เราได้ทำบางสิ่งที่ยอดเยี่ยมด้วย เพราะมีคนอื่นๆ ได้รับข้อเสนอมากมาย ดังนั้นมันเป็นเรื่องในด้านบวก และตอนนี้เรากำลังพิจารณารายชื่อต่างๆ เพื่อที่จะทำในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับสต๊าฟฟ์ของเรา
คุณมีใครสักคนอยู่ในใจหรือยัง อย่าง แซมมี่ ลี ?
เบนิเตซ เรากำลังเฝ้ารอคนที่ใช่ในช่วงเวลาที่เหมาะสม
ต้อมพลิ้ว

อลอนโซ่ย้ำอีกรอบไม่ย้ายหนีหงส์แดง


ชาบี อลอนโซ่ มิดฟิลด์เชิงสูงของ ลิเวอร์พูล กล่าวย้ำครั้งที่ร้อยว่า ไม่คิดย้ายออกจาก แอนฟิลด์ แม้แต่ครั้งเดียว เชื่อ ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือชาวกระทิง ยังรวมเขาอยู่ในแผนการ สร้างทีมในอนาคตอย่างแน่นอน แถมมั่นใจหากได้ แกเร็ธ แบร์รี่ มาจริงๆ ก็เล่นร่วมกันในแผงกลางของ "หงส์แดง" ได้ไม่มีปัญหา
ชาบี อลอนโซ่ กองกลางทีมชาติสเปนของ ลิเวอร์พูล ออกมากล่าวยืนยันอีกรอบว่า เขาจะไม่ย้ายทีมอย่างแน่นอน แม้ว่าสโมสรจะดึงตัว แกเร็ธ แบร์รี่ มิดฟิลด์กัปตันทีม แอสตัน วิลล่า มาร่วมทัพก็ตาม พร้อมปฏิเสธข่าวมีปากเสียงกับ ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีมจอมแท็กติก
อดีตดาวเตะ เรอัล โซเซียดาด ออกมากล่าวย้ำตลอดว่า เขาไม่เคยคิดจะเก็บข้าวของออกจากถิ่น แอนฟิลด์ ในช่วงซัมเมอร์นี้ และพร้อมที่จะอยู่สู้เพื่อแย่งตำแหน่งตัวจริงต่อไป แม้ว่า "หงส์แดง" มีข่าวมาตลอดว่า กำลังจะดึงผู้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์มาเพิ่งก็ตาม
"ผมคิดว่าผมจะอยู่เล่นที่นี่ต่อไปในฤดูกาลหน้า แม้ แบร์รี่ จะย้ายมาร่วมทีมก็ตาม เขาจะทำให้ทีมเรามีการแข่งขันแย่งตำแหน่งที่ดี และเขาจะได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี เขาสามารถ เล่นได้หลากหลายตำแหน่ง และถ้าหากเขาเล่นในตำแหน่งกองกลาง ผมก็สามารถเล่นร่วมกับเขาได้สบายๆ ผมไม่มีปัญหาอะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนั้น"
"ในช่วงเวลานี้ผมรู้สึกว่าผมสามารถอยู่เล่นที่นี่ต่อไปได้อีกหลายปี ผมอยู่ที่นี่มาแล้ว 4 ฤดูกาล แล้วทำไมจะอยู่ไม่ได้ถึง 7-8 ฤดูกาลหล่ะ ? ตราบใดที่ผมยังอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยม และสโมสรยังต้องการตัวผม ผมก็จะอยู่กับทีมต่อไปอย่างแน่นอน" อลอนโซ่ กล่าว
ขณะเดียวกัน มิดฟิลด์เชิงสูงวัย 26 ปียังปฏิเสธข่าวที่อ้างว่า เขามีปัญหากับ ราฟา พร้อมเชื่อมั่น อดีตกุนซือ บาเลนเซีย ยังคงต้องการมีเขาสำหรับสร้างทีมในอนาคต "ไม่มีปัญหา ใดๆ ทั้งสิ้นระหว่างผมกับ ผู้จัดการทีม และผมก็อยากที่จะทำให้หมดความสงสัยในเรื่องนั้น"
"ผมได้อ่านข่าวที่ว่าผมมีเรื่องโต้เถียงกับเจ้านาย แต่ความสัมพันธ์ของเรายังคงเหมือนเดิม เหมือนเมื่อครั้งที่ผมย้ายมาร่วมทีม ลิเวอร์พูล ผมได้พูดคุยกับผู้จัดการทีมแล้วครั้งหนึ่ง และเขาไม่เคยพูดเสียหน่อยว่า เขาอยากให้ผมย้ายทีมออกไป"

วันพุธที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

เจิดมั่นใจหงส์มีลุ้นแชมป์เชื่อซีซั่นหน้าแข้งใหม่อื้อ


สตีเว่น เจอร์ราร์ด มิดฟิลด์กัปตันทีม ลิเวอร์พูล มั่นใจเกินร้อย "หงส์แดง" มีส่วนผสมที่ดีพอสำหรับการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ซีซั่นหน้า พร้อมยุติการรอคอยอันยาวนานถึงเกือบ 2 ทศวรรษ แย้ม สาวก "เดอะ ค็อป" จะได้เห็นแข้งใหม่ก้าวเข้าสู่ แอนฟิลด์ แน่นอนในช่วงซัมเมอร์นี้ หลัง "เอล ราฟา" ออกโรงรับประกันซ่อมฟรีด้วยตัวเอง
สตีเว่น เจอร์ราร์ด มิดฟิลด์กัปตันทีม ลิเวอร์พูล ออกมาแสดงความมั่นใจว่า พลพรรค "หงส์แดง" มีส่วนผสมที่เพียบพร้อมทุกอย่าง สำหรับการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลหน้า หลังจากที่ปล่อยให้สาวก "เดอะ ค็อป" ร้องเพลงรอมานานถึง 18 ปี
ฤดูกาลนี้ แม้จะออกสตาร์ตได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการขึ้นนำเป็นจ่าฝูงในเดือนกันยายน แต่จนแล้วจนรอด ลิเวอร์พูล ก็ยังทำได้ดีที่สุดเพียงแค่เข้าป้ายด้วยอันดับ 4 และต้องเฝ้าดูอริตัวฉกาจอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฉลองแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีอีกครั้ง แถมยังถูก "ปีศาจแดง" ทำคะแนนทิ้งแบบไม่เห็นฝุ่นถึง 11 แต้มอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม "สตีวี่จี" เชื่อว่า ด้วยคุณภาพฝีเท้าของขุนพล "เร้ด แมชีน" ชุดปัจจุบัน และมันสมองที่เฉียบแหลมของ ราฟาเอล เบนิเตซ ยอดผู้จัดการทีมชาวสแปนิช มีโอกาสไม่น้อยที่การรอคอยอันยาวนานของพวกเขาจะสิ้นสุดลงในซีซั่น 2008/2009 โดยระบุว่า "ผมจะต้องระวังไม่ไปตั้งความหวังอะไรให้สูงจนเกินไปอีก แต่สำหรับผมแล้ว ผมอยากได้แชมป์ลีกมากๆ"
"ผมเชื่อมั่นในทีมชุดนี้ และผู้จัดการทีม ผมเชื่อว่า เราจะสามารถทำให้มันเกิดขึ้นได้ เราต้องการความช่วยเหลือ และนักเตะใหม่ ผู้จัดการทีมเองก็ต้องการความช่วยเหลือจากฝ่ายบริหาร เพื่อให้มีการเซ็นสัญญากับผู้เล่นใหม่ๆ เกิดขึ้น และทำให้เราแกร่งขึ้น ผมหวังจริงๆ ว่าเราจะมีส่วนร่วมในการลุ้นแชมป์ในฤดูกาลหน้า"
พร้อมกันนั้น กองกลางทีมชาติอังกฤษ ยังเผยด้วยว่า "เอล ราฟา" ได้รับประกันเขา และเพื่อนร่วมทีมทุกคนแล้วว่า จะได้เห็นผู้เล่นใหม่ก้าวเข้าสู่ แอนฟิลด์ อย่างแน่นอนในช่วงซัมเมอร์นี้
"เขาไม่ได้โทรมาหาผม และบอกชื่อนักเตะที่เขาจะซื้อ แต่เขารับประกันกับผม และผู้เล่นคนอื่นๆ ว่าถ้ามีนักเตะคนไหนซึ่งสามารถย้ายสังกัดได้ และสามารถจะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมของเราได้ เขาก็จะออกไปซื้อพวกเขามาแน่นอน ถ้าคุณมองดูคุณภาพของผู้เล่นแกนหลักของเรา คุณจะเห็นว่ามันยอดเยี่ยมมาก นอกจากนี้ เรายังมีผู้เล่นคนอื่นๆ ที่ฝีเท้าดีไม่แพ้กันอีกด้วย" บักเจิด เผยส่งท้าย

วันอังคารที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

เสี่ยหมีหวังคว้าตอร์เรสเตรียมควัก2.4พันล้าน


สื่อแดนกระทิงดุ ตีข่าว "เสี่ยหมี" โรมัน อบราโมวิช เจ้าของสโมสร เชลซี เตรียมโชว์ความรวยอีกรอบ พร้อมควักเงิน 50 ล้านยูโร (ราว 2,400 ล้านบาท) ฟาดหัว "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เพื่อคว้าตัว เฟร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงทีมชาติสเปน มาสู่ถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์
"มาร์ก้า" หนังสือพิมพ์ดังเมืองกระทิงดุ ออกมาประโคมข่าวว่า โรมัน อบราโมวิช อภิมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย เจ้าของสโมสร เชลซี เตรียมทุ่มเงินจำนวน 50 ล้านยูโร (ราว 2,400 ล้านบาท) เพื่อดึงตัว เฟร์นานโด ตอร์เรส กองหน้าฟอร์มฮอต ของ ลิเวอร์พูล มาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์นี้
อดีตหัวหอกแอตเลติโก มาดริด สังหาร 24 ประตูในลีกเมืองผู้ดี ลบสถิตินักเตะต่างชาติที่ย้ายมาค้าแข้งในศึก พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลแรกที่เป็นของ รุด ฟาน นิสเตลรอย อดีตกองหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงได้สำเร็จ ทำให้กลายเป็นหนึ่งในเป้าหมายอันดับต้นๆ ที่ "เสี่ยหมี" สนใจอยากได้ตัวมาสู่ถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์
แต่ถึงจะทุ่มเงินจำนวนมหาศาล ก็ใช่ว่าจะสามารถดึงตัว ตอร์เรส มาร่วมทีมได้ เนื่องจากเป็นที่รู้กันว่า ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือ "หงส์แดง" ไม่มีทางขายนักเตะกำลังสำคัญของทีมออกไปอย่างแน่นอน แต่ความเป็นไปได้ก็ยังมีอยู่ หลังจากก่อนหน้านี้มีข่าวว่า ลิเวอร์พูล อาจถูกธนาคารที่ไปกู้เงินบีบให้ขาย "เอล นินโญ่" หากไม่สามารถชำระหนี้ที่ติดค้างอยู่ 31.5 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 2 พันล้านบาท ในอีกปีเศษข้างหน้าได้
ขณะเดียวกัน อบราโมวิช ที่เคยแสดงให้เห็นมาแล้วว่าไม่เคยกลัวที่จะทุ่มเงินจำนวนมหาศาลในการคว้านักเตะระดับโลกมาร่วมทีม โดยก่อนหน้านี้ "สิงห์บลูส์" เกือบคว้าตัว สตีเว่น เจอร์ราร์ด มิดฟิลด์กัปตันทีม ลิเวอร์พูล มาแล้ว เมื่อ 2-3 ปีก่อน แต่สุดท้าย "สตีวี่จี" ตัดสินใจอยู่เล่นในถิ่น แอนฟิลด์ ต่อไป

วันศุกร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

เจิดหวังหงส์ทุ่มซื้อสตาร์ เสริมทัพเพื่อลุ้นแชมป์ลีก!


สตีเว่น เจอร์ราร์ด กองกลาง ลิเวอร์พูล เผยอยากเห็นต้นสังกัดทุ่มเงินคว้านักเตะชั้นยอดเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์นี้ เพื่อลุ้นคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกซีซั่นหน้า ชี้การซื้อผู้เล่นใหม่เป็นสิ่งสำคัญ และจะช่วยพาสโมสรก้าวไปสู่อีกระดับ มั่นใจ "หงส์แดง" ยังไปได้ไกลกว่านี้ หากยังไม่ละความพยายาม
สตีเว่น เจอร์ราร์ด ยอดมิดฟิลด์กัปตันทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก ออกมากล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 8 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ว่า เขาต้องการให้ต้นสังกัดทุ่มเงินก้อนโตคว้านักเตะชั้นยอดเข้ามาเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์นี้ เพื่อความหวังในการลุ้นคว้าแชมป์ลีกสูงสุดในฤดูกาลหน้า
"เราพูดอย่างนี้มาตลอดทุกปี แต่มันจะเป็นช่วงซัมเมอร์ที่สำคัญ เพราะเราต้องรักษาแนวโน้มเอาไว้ การคว้าตัวนักเตะของผู้จัดการทีมจะเป็นเรื่องสำคัญเสมอ ผมโชคดีในฐานะนักฟุตบอล และผมก็คว้าแชมป์มาแล้วมากมาย แต่ผมก็ยังกระหายเพราะต้องการมากกว่านี้ ผมอยากคว้าแชมป์ให้มากที่สุดกับ ลิเวอร์พูล นั่นคือเหตุผลที่ซัมเมอร์นี้มีความสำคัญ"
"เราเป็นทีมคนหนุ่มที่มีนักเตะดาวรุ่งมากมาย และถ้าผู้จัดการทีมได้รับการสนับสนุนอย่างถูกต้อง เราก็น่าจะมีย่างก้าวที่สำคัญ เราผิดหวังที่ไม่สามารถลุ้นแชมป์ลีกได้นานกว่านี้ ช่องว่างคะแนนระหว่างเรากับ 2 ทีมนำสร้างความผิดหวังให้กับทุกคนที่แอนฟิลด์ เจ้านายบอกชัดเจนว่าเขาอยากได้ผู้เล่นใหม่ และถ้าเราได้นักเตะที่เขาต้องการ และถ้าพวกเขาสามารถสร้างความแตกต่างให้ทีมได้เหมือน เฟร์นานโด ตอร์เรส, มาร์ติน สเคอร์เทลและ ไรอัน บาเบล เราก็จะขยับไปอีกก้าว ผมคิดว่าเราสามารถทำอะไรได้มากกว่านี้"
"ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องย้ายจาก ลิเวอร์พูล และสิ่งที่ผมต้องการมากที่สุดคือนำสโมสรแห่งนี้ก้าวไปสู่อีกระดับซึ่งผมเชื่อว่าเราสามารถทำได้ ผมคว้าแชมป์มากมายกับที่นี่ แต่ก็ยังขาดอีกรายการและผมก็ต้องการทำให้ได้ก่อนเลิกเล่น ผมไม่อยากมองย้อนกลับไปและพูดว่าผมไม่เคยเป็นแชมป์ลีก ผมมองว่าทีมนี้จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และเรากำลังก้าวไปข้างหน้า ผมคิดว่าเราขยับเข้าใกล้มากขึ้นและผมเชื่อมั่นเต็มที่" เจอร์ราร์ด กล่าว

วันจันทร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

ราฟายกเอลนินโญ่พังประตูสุดเยี่ยม


ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือ ลิเวอร์พูล ออกปากชม เฟร์นานโด ตอร์เรส กองหน้าตัวเก่ง พังประตูสุดเยี่ยม หลังยิงช่วยทีมชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 เมื่อสุดสัปดาห์ ยกเป็นลูกที่สวยงาม และดาวยิงทีมชาติสเปนก็พังตาข่ายได้อย่างมากมายในซีซั่นนี้ พร้อมกล่าวขอบคุณแฟนบอล "หงส์แดง" ที่เอาใจช่วยทีมมาตลอดทั้งฤดูกาล
ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก ออกมากล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ 5 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ว่า เขารู้สึกชื่นชม เฟร์นานโด ตอร์เรส หัวหอกตัวเก่งของทีม ที่มีความสามารถในการพังประตูที่ยอดเยี่ยม หลังจากที่ล่าสุดเพิ่งซัดให้ต้นสังกัดเฉือนชนะ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 ที่สนามแอนฟิลด์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ประตูในเกมล่าสุดทำให้ ตอร์เรส ทำสถิติยิงในแอนฟิลด์ 8 นัดติดต่อกันเทียบเท่ากับ โรเจอร์ ฮันท์ ที่ทำเอาไว้เมื่อ 46 ปีก่อน รวมทั้งทำสถิติเป็นนักเตะต่างชาติที่ยิงประตูได้มากที่สุดในฤดูกาลแรกที่เล่นในพรีเมียร์ลีกเทียบเท่ากับ รุด ฟาน นิสเตลรอย กองหน้าชาวดัตช์ ด้วยจำนวน 23 ประตู และเป็นประตูที่ 32 เมื่อรวมทุกรายการในซีซั่นนี้
"มันเป็นอีก 1 ประตูที่ดีและทั้งหมดก็ไม่มีลูกจุดโทษเลย มันเป็นจำนวนประตูที่น่าทึ่ง เป็นเรื่องมหัศจรรย์ทั้งกับตัวเขาและแฟนบอล ทั้งในตอนนี้และอนาคต" กุนซือชาวสแปนิช กล่าว
แม้ ลิเวอร์พูล จบฤดูกาลนี้ลงโดยปราศจากถ้วยรางวัล แต่แฟนบอลก็ยังคงให้การสนับสนุนทีมอย่างเต็มที่ และ เบนิเตซ ก็เชื่อว่าเป็นเรื่องสำคัญที่นักเตะต้องโชว์ฟอร์มอย่างดีที่สุดเพื่อเป็นการขอบคุณกองเชียร์
"ถ้าคุณชนะในเกมสุดท้าย คุณต้องร่วมสนุกไปกับแฟนบอล เราผิดหวังมากหลังจากวันพุธ(ตกรอบ แชมเปี้ยนส์ ลีก) แต่เราก็เข้าใกล้มากแล้ว คุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านั้นได้ ซึ่งตอนนี้สิ่งเดียวที่เราสามารถทำได้คือพยายามสนุกไปกับมันและกล่าวขอบคุณ แฟนบอลยอดเยี่ยมมากตลอดทั้งฤดูกาล ทั้งกับทีมและโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผม ผมคิดว่าเราเรามีโอกาสมากมายในวันนี้ ตลอดช่วงซัมเมอร์เราจะทำงานอย่างหนักในเรื่องนี้และพยายามปรับปรุงทีม บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องง่ายขึ้นที่จะลุ้นแชมป์ในฤดูกาลหน้า"
เกมนี้ เบนิเตซ ให้โอกาส เอมิเลียโน่ อินซัว แบ็กซ้ายดาวรุ่ง ลงเล่นเป็นตัวจริงเป็นครั้งแรกในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ และกุนซือ "หงส์แดง" ก็ได้ออกมากล่าวให้กำลังใจกับดาวเตะอาร์เจนไตน์
"ผมคิดว่าเขาทำได้โอเค มันเป็นเกมที่ยาก แต่เขาก็ทำได้ดีในการเจอกับนักเตะที่มีประสบการณ์ ผมบอกเขาว่าไม่ต้องเติมเกมรุกให้มากนัก เพราะเรามี ไรอัน บาเบล อยู่ทางซ้ายแล้ว แต่เวลาที่เขาเติมเกมรุกก็ทำได้ดี และมันเป็นหนึ่งในจุดเด่นของเขา วันนี้เขาป้องกันได้ดี ทำงานหนัก และแสดงให้เห็นคุณภาพในการครองบอล เรามีนักเตะบางคนที่ใกล้ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ พวกเขาต้องการแค่ประสบการณ์ แต่อย่างน้อยคุณรู้ว่าคุณสามารถใช้พวกเขาได้ถ้าจำเป็น และ อินซัว ก็เป็นหนึ่งในนั้น" กุนซือชาวกระทิง ทิ้งท้าย

ลิเวอร์พูล 1 - แมนเชสเตอร์ซิตี้ 0











ตอร์เรสคุยโวขอพาหงส์แย่งแชมป์ลีกฤดูกาลหน้า


เฟร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงฟอร์มร้อนเลือดกระทิงดุ ได้ทีคุยโวยกใหญ่ บอกขอพา ลิเวอร์พูล ซิวแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลหน้าให้จงได้ พร้อมเสริมทีมชุดนี้แข่งแกร่งทุกขุมกำลัง สามารถเอาชนะทุกทีมได้อย่างสบายๆ
เฟร์นานโด ตอร์เรส กองหน้าทีมชาติสเปนของ ลิเวอร์พูล ยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ออกมาประกาศลั่น ขอพา "หงส์แดง" ผงาดคว้าแชมป์ลีกในฤดูกาลหน้าให้จงได้ ภายหลังเพิ่งยิงประตูลูกที่ 32 ในฤดูกาล และก็เป็นประตูชัยในเกมที่เชือด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 ที่สนาม แอนฟิลด์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
ตอร์เรส กล่าวว่า "เราต้องการคว้าแชมป์ในทุกฤดูกาล บางทีอาจจะเป็นฤดูกาลหน้า เราจะต้องพัฒนากันต่อไป สำหรับแฟนบอลแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือแชมป์ลีก บางทีอาจจะเป็นฤดูกาลหน้า เราเป็นทีมที่แข็งแกร่ง และเราก็สามารถเอาชนะได้ในทุกเกม"
ส่วนกรณีที่ยิงประตูใน แอนฟิลด์ ได้ 8 นัดติดต่อกันเท่ากับ โรเจอร์ ฮันท์ เจ้าของสถิติเดิมนั้น ดาวเตะวัย 24 กะรัต กล่าวว่า "ผมอ่าน (เรื่องสถิติการยิงประตูใน แอนฟิลด์) ในหนังสือโปรแกรมการแข่งขัน ผมภูมิใจอย่างมาก เวลานี้ผมพยายามจะทำมันให้ได้อีกครั้งในฤดูกาลหน้า"
พร้อมกันนั้น อดีตกองหน้า แอตเลติโก มาดริด ยังได้ชี้แจงถึงอาการบาดเจ็บเอ็นหลังหัวเข่า ที่ได้รับมาจากเกมแพ้ เชลซี 2-3 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัด 2 เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยเช่นกัน "มันมีปัญหาเกิดขึ้นในเกมกับ เชลซี แต่วันนี้ผมอยู่ในสภาพที่ฟิตสมบูรณ์ สำหรับเกมนัดสุดท้ายใน แอนฟิลด์ นักเตะทุกคนย่อมต้องการลงสนามด้วยกันทั้งนั้น"
ด้าน ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือ ลิเวอร์พูล กล่าวเช่นกันว่า สถานการณ์ที่ไม่ค่อยลงรอยกันระหว่าง จอร์จ ยิลเล็ตต์ กับ ทอม ฮิคส์ 2 เจ้าของสโมสรร่วม จะไม่ส่งผลต่อการสร้างทีมในฤดูกาลหน้าอย่างแน่นอน โดยระบุว่า "เรากำลังทำงานร่วมกันอยู่ เราได้แจ้งให้กับพวกเขา และอธิบายถึงแนวความคิดของเราเรียบร้อยแล้ว และผมคิดว่า เราสามารถพัฒนาได้มากกว่านี้ มันไม่ถึงกับสมบูรณ์แบบหรอก แต่เราสามารถพัฒนาได้เรื่อยๆ แต่จะต้องพยายามเซ็นสัญญานักเตะที่เราต้องการดึงตัวมาร่วมทีมให้ได้"
พร้อมกันนั้น "เอล บอส" ยังได้พูดถึงเรื่องจบอันดับ 4 ด้วยว่า "หากคุณมองดูที่ตาราง ในเวลานี้เราอยู่ห่าง (จากจ่าฝูง) มากเหลือเกิน แต่ในช่วงเวลาสำคัญเราก็อยู่ใกล้มากๆ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะคว้าแชมป์ลีก สำหรับผมความแข็งแกร่งในเชิงลึกของขุมกำลังถือเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน มันเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องทำผลงานให้ดีที่สุดในลีก เรารู้ดีว่าทุกคนก็อยากจะคว้าแชมป์ลีก กุญแจสำคัญสำหรับผมก็คือ พยายามทำให้พวกเขาอยู่ในตำแหน่งท็อปโฟร์ และเป็นผู้ท้าชิงต่อไป เราจะพยายามทำผลงานให้ดีที่สุด"

วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2551

ตอร์เรสชูราฟาช่วยยกระดับเป็นยอดดาวยิง


เฟร์นานโด ตอร์เรส ยอดหัวหอก ลิเวอร์พูล ชี้นิสัยในการใส่ใจรายละเอียดของ ราฟาเอล เบนิเตซ มีส่วนสำคัญอย่างมากในการช่วยให้ตัวเองก้าวมาเป็นดาวยิงซูเปอร์สตาร์อย่างทุกวันนี้ ระบุ "เอล ราฟา" วิเคราะห์ทุกอย่างละเอียดยิบเลยทีเดียว พร้อมบอก คิดถูกแล้วที่ย้ายซบ "หงส์แดง" ทำให้ได้โชว์ฝีเท้าในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ดังใจฝัน
เฟร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงตัวฉกาจของ ลิเวอร์พูล ยอดทีมแห่งศึกพรีเมียร์ลีก เชื่อว่า อุปนิสัยในการใส่ใจรายละเอียดทุกอย่างของ ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีม "หงส์แดง" มีส่วนช่วยให้ตนกลายเป็นหัวหอกซูเปอร์สตาร์ หลังระเบิดฟอร์มล่าตาข่ายได้อย่างสุดยอดนับตั้งแต่ย้ายจาก แอตเลติโก มาดริด ในบ้านเกิดมาค้าแข้งยังถิ่น แอนฟิลด์ เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ด้วยการยิงไปแล้ว 30 ประตูจากการลงสนาม 42 นัด
ทั้งนี้ หัวหอกทีมชาติสเปน ไม่เคยถูกมองว่าเป็นกองหน้าที่ยิงได้เป็นกอบเป็นกำ เมื่อครั้งที่ยังเล่นอยู่ในบ้านเกิด อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ย้ายมาค้าแข้งในถิ่น แอนฟิลด์ ด้วยค่าตัว 21 ล้านปอนด์ (ราว 1,323 ล้านบาท) เจ้าตัวกลับระเบิดฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจสุดๆ แถมยังสามารถปรับตัวเข้ากับการใช้ชีวิตในอังกฤษได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
ดาวยิง "หงส์แดง" กล่าวกับหนังสือพิมพ์ "เดลี่ สตาร์" ในแดนผู้ดีว่า "ราฟา เบนิเตซ เป็นคนที่ใส่ใจกับรายละเอียดต่างๆ อย่างมาก เขาคำนวนทุกอย่าง ทั้งการวิ่งและการแย่งบอล เขาวิเคราะห์เรื่องเหล่านี้ไว้ในคอมพิวเตอร์ และถ้าเขาบอกคุณให้ยืนห่างจากจุดโทษ 5 ฟุต คุณก็จะไม่สนใจที่จะไปยืนในระยะ 6 ฟุตเลย เขาจะแสดงให้คุณเห็นว่าระยะทางที่เพิ่มขึ้นสร้างความแตกต่างระหว่างการยิงเข้าประตูกับการยิงพลาด ซึ่งสำหรับผมแล้วมันได้ผลดีทีเดียว"
"ข้อพิสูจน์สำหรับผมคือผมไม่เคยยิงแฮตทริกได้ในเกมระดับสโมสรมาก่อนเลยในชีวิต จนกระทั่งย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล ซึ่งผมซัดแฮตทริกไป 3 ครั้งแล้ว ราฟา อธิบายทุกสิ่งกับผมก่อนที่ผมจะเซ็นสัญญา ทั้งวิธีการเล่นและเป้าหมายของพวกเรา เขาอธิบายตารางการทำงานให้ผมรู้ล่วงหน้าเลยด้วยซ้ำ เขามีพลังการโน้มน้าวที่สุดยอด และเขาต้องการก็ต้องการผลงานที่ดีจากพวกเราอย่างมาก"
พร้อมกันนี้ กองหน้าเลือดกระทิง ยังคาดว่าเกมที่พลพรรค "เร้ด แมชีน" จะบุกไปเยือน เชลซี ที่สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 วันพุธที่ 30 เม.ย.นี้ จะเป็นเกมที่ดุเดือดอย่างแน่นอน หลังจากทั้งคู่เสมอกันมา 1-1 ในเกมนัดแรก
"ผมต้องการดวลกับกองหลังอย่าง จอห์น เทอร์รี่ และ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ มานานแล้ว ครั้งนี้ผมจะพยายามตอบโต้พวกเขาด้วยการยิงประตูสัก 2 ลูก นักเตะทุกคนต่างฝันที่จะได้ลงเล่นใน แชมเปี้ยนส์ ลีก กันทั้งนั้น และในช่วงเวลาแค่ไม่กี่เดือน ผมเปลี่ยนจากคนที่นั่งดูเกมทางหน้าจอโทรทัศน์มาเป็นนักเตะที่มีส่วนร่วมในการฟาดแข้งรายการนี้ ผมรู้แค่ว่าผมทำถูกแล้วที่ตัดสินใจย้ายมาร่วมทีม ลิเวอร์พูล" "เอล นินโญ่" กล่าวทิ้งท้าย

วันจันทร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2551

วิพากษ์ศึกชี้ชะตา สิงห์บลูส์ Vs. หงส์แดง



ไม่ว่าบทสรุปของเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ เชลซี ที่สนาม แอนฟิลด์ ในวันพุธที่ 30 เม.ย.นี้ จะออกมาเป็นอย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่เราไม่น่าจะได้เห็นในเกมที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ค่อนข้างแน่คือการยิงประตูกันแบบถล่มทลายจากทั้ง 2 ทีม
เกม 7 นัดหลังสุดที่ 2 ทีมยักษ์ใหญ่แห่งพรีเมียร์ลีกคู่นี้เจอกัน มีประตูเฉลี่ยเพียงเกมละ 0.7 ประตูเท่านั้น โดย มาร์ค ลอว์เรนสัน อดีตปราการหลังจอมแกร่งของ "หงส์แดง" ก็คิดว่าเกมในวันพุธนี้ก็น่าจะเป็นไปในรูปแบบเดิมอีกคำรบ นั่นคือทั้งคู่คงทะลวงตาข่ายกันได้จุ๋มจิ๋มเช่นเคย
"เชลซี กับ ลิเวอร์พูล ต่างก็เล่นได้เหนียวแน่นพอๆกัน เกมในนัดแรกที่ผ่านมาน่าจะเป็นเกมที่ทั้ง 2 ฝ่ายมีโอกาสยิงประตูกันมากที่สุดแล้วในรอบหลายๆนัดหลังที่ทั้งคู่ดวลกัน แต่มันก็ยังมีโอกาสไม่มากเท่าที่ควรอยู่ดี ผมคิดว่าผู้ชนะในเกมนี้น่าจะเป็นทีมที่ก่อความผิดพลาดน้อยกว่าคู่ต่อสู้" ลอว์โร่ ว่าเอาไว้อย่างนั้น
สำหรับผลเสมอ 1-1 ในศึกชิงตั๋วไปมอสโกยกแรกที่ แอนฟิลด์ เมื่อวันอังคารที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น ถือเป็นเกมที่มีประตูมากที่สุดในเกมที่ทั้งคู่เจอกันในถ้วยใบใหญ่สุดของยุโรป โดย 6 เกมก่อนหน้านี้มีประตูให้แฟนบอลได้เฮกันชนิดจุ๋มจิ๋มแค่ 3 ลูกเท่านั้น และ ลอว์เรนสัน ซึ่งเคยคว้าแชมป์ถ้วยนี้กับ "หงส์แดง" มาแล้วเมื่อปี 1984 ก็ให้ความเห็นว่า มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะต้องบอกว่า สไตล์การเล่นแบบรัดกุมของทั้ง 2 ทีม มีผลมาจากทัศนคติของผู้จัดการทีมของทั้งคู่นั่นเอง
"ถ้าคุณลองดูผู้จัดการทีมทั้ง 2 คน ทั้ง ราฟาเอล เบนิเตซ และ อัฟราม แกรนท์ ต่างมีปรัชญาในเกมฟุตบอลที่เน้นความแน่นอนด้วยกันทั้งคู่ คุณอาจจะเป็นผู้จัดการทีมที่ชื่นชอบการเล่นเกมรุกเป็นชีวิตจิตใจ หรืออาจจะเป็นพวกที่ชอบการเน้นตั้งรับไว้ก่อนก็เป็นได้ แต่ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะเป็นอย่างหลังมากกว่า"
จากการที่เสียประตูตีเสมอ 1-1 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของเกมนัดแรก ส่งผลให้ในเกมนี้ ขุนพล "หงส์แดง" ต้องบุกไปยิงประตูให้ได้ในสนามที่พวกเขาคลำเป้าไม่เจอมา 8 นัดติดต่อกันเข้าให้แล้วในยุคของกุนซือเลือดกระทิงดุ อย่างไรก็ตาม ลอว์เรนสัน เชื่อว่ายอดทีมจากเมอร์ซี่ย์ไซด์น่าจะทำได้สำเร็จ "ผมคิดว่าเกมที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ น่าจะจบลงที่สกอร์ 1-1 นะ ผมไม่ได้เข้าข้าง ลิเวอร์พูล แต่พักหลังๆนี้ เชลซี เล่นได้ไม่ค่อยดีนัก ผมคิดว่า ลิเวอร์พูล น่าจะยิงประตูได้"
ลอว์เรนสัน ไม่ใช่คนเดียวที่คิดว่า ลิเวอร์พูล จะเล่นเกมรุกได้ดีขึ้นในการลงเล่นที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ แพท เนวิน อดีตปีกตัวกลั่นของ เชลซี ก็คิดแบบนั้นเช่นกัน โดยอดีตดาวเตะ "สิงโตน้ำเงินคราม" คาดหวังว่าเกมนัดนี้จะดุเดือดกว่าเกมที่ทั้งคู่พบกันในลีกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งลงเอยด้วยการเสมอกันไปแบบไร้สกอร์
"ผมอยู่ในสนามด้วย ในเกมล่าสุดที่ เชลซี กับ ลิเวอร์พูล พบกันที่ เดอะ บริดจ์ และผมก็ตื่นอยู่ตลอดทั้งเกมเลย" เนวิน ยิงมุกนำร่อง "มันเป็นเกมที่น่าเบื่อที่สุดเกมหนึ่งที่ผมเคยดูมาเลย นักเตะ 2 คนที่ดีที่สุดในเกมนั้นคือมิดฟิลด์ตัวกลาง 2 คน แต่เกมนั้นมันจะไม่เหมือนเกมนัดนี้แน่ เพราะ ลิเวอร์พูล มีภารกิจที่จะต้องทำประตูให้ได้"
เนวิน ซึ่งค้าแข้งอยู่กับ เชลซี อยู่ 5 ปี ในช่วงทศวรรษที่ 1980 มองว่ายอดทีมแห่งกรุงลอนดอนมีภาษีดีกว่าเล็กน้อยในการผ่านเข้าไปเล่นในนัดชิงชนะเลิศที่กรุงมอสโก เมื่อประเมินจากเกมรับอันแข็งแกร่งของพวกเขา โดยชี้ว่าปีเตอร์ เช็ก ผู้รักษาประตูจอมหนึบ และ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟจอมแกร่งคือกุญแจสำคัญ หลังจากที่ทั้งคู่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมนัดแรกที่ แอนฟิลด์ เมื่อสัปดาห์ก่อน โดยนายทวารทีมชาติสาธารณรัฐเช็กสามารถเซฟลูกยิงของ เฟร์นานโด ตอร์เรส กับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด เอาไว้ได้ ขณะที่ปราการหลังทีมชาติโปรตุเกสเองก็ขันน็อตในแนวรับให้กับ "สิงห์บลูส์" ได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน
"ผมคิดว่า เชลซี น่าจะได้ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศ เพราะ เช็ก ฟิตพร้อมลงสนาม เช่นเดียวกับ คาร์วัลโญ่ กองหลังที่ดีที่สุดในโลกของผมในเวลานี้ก็คือ คาร์วัลโญ่ เขาอ่านเกมได้เฉียบขาด เสียบสกัดได้แน่นอน และมีจังหวะการเข้าบอลที่ดีอย่างน่าอัศจรรย์ ผมจำได้ถึงเกมที่ แอนฟิลด์ ที่เขามาช่วยซ้อน จอห์น เทอร์รี่ เอาไว้ได้ถึง 2 ครั้ง 2 ครา คุณไม่รู้หรอกว่าเขาเร็วขนาดไหน เขาเป็นกองหลังที่ครบเครื่องอย่างแท้จริง การที่พวกเขามีเกมรับที่แข็งแกร่ง และการได้ มิชาเอล เอสเซียง พ้นโทษแบนกลับมาช่วยทีมได้นั้น มันหมายความว่า เชลซี มีโอกาสที่ดีมากๆในการคว้าตั๋วไปตะลุย มอสโก" อดีตปีกจรวด "สิงห์บลูส์" ทิ้งท้าย
ซำเหมาขี่เก๋ง

วันศุกร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2551

ราฟาเชื่อหงส์แกร่งขึ้นแน่ หลังคุยเจ้าของหงส์ลงตัว


ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือ ลิเวอร์พูล มั่นใจต้นสังกัดจะแข็งแกร่งขึ้น หลังจากมีการหารือกับเจ้าของสโมสรถึงการคว้านักเตะใหม่เสริมทัพในซีซั่นหน้า ชี้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี และมีความคืบหน้าในการเดินหน้าเสริมทัพ
ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก ออกมากล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ 25 เมษายน ที่ผ่านมา ว่า เขามั่นใจว่าต้นสังกัดจะแข็งแกร่งขึ้น หลังจากที่มีการหารือร่วมกับเจ้าของสโมสรเกี่ยวกับการคว้านักเตะใหม่เข้ามาเสริมทัพในฤดูกาลหน้า แม้ที่ผ่านมามีความขัดแย้งกันในหมู่ผู้บริหารก็ตาม
สโมสร ลิเวอร์พูล เกิดเรื่องวุ่นวายมาตลอดในระยะหลัง จากการที่ ทอม ฮิคส์ และ จอร์จ ยิลเล็ตต์ 2 เจ้าของสโมสรชาวอเมริกัน มีความขัดแย้งกัน รวมถึง ริค แพร์รี่ ประธานบริหาร "หงส์แดง" ก็อยู่ในภาวะเสี่ยงอย่างยิ่งต่อการถูกปลดออกจากตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ยอดทีมแห่งถิ่นแอนฟิลด์ มีการประชุมเพื่อหารือกันถึงการคว้าตัวนักเตะใหม่ และ เบนิเตซ ก็มั่นใจว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี
"คุณรู้ว่าเรามีเจ้าของ 2 คนและประธานบริหารอีกคน เราต้องการก้าวหน้า ความรับผิดชอบของผมคือการเตรียมทีมสำหรับอนาคตและปรับปรุงทีม ดังนั้น ผมจึงอยากคุยกับพวกเขา เราได้คุยกันเกี่ยวกับเป้าหมายและเรื่องพวกนั้น มันเป็นไปด้วยดี เราคุยกันเกี่ยวกับวิธีการพัฒนาและความก้าวหน้า เพราะมันสำคัญที่จะต้องคว้านักเตะที่เหมาะสมเข้ามาในอนาคต หลังการประชุมเราพยายามที่จะเดินหน้ากับเป้าหมายบางราย เมื่อสัปดาห์ก่อนเราทำสิ่งนี้และสัปดาห์นี้ก็เช่นกัน ผมคิดว่าเราจะแข็งแกร่งขึ้นในสัปดาห์หน้า" เบนิเตซ กล่าว

วันจันทร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2551

เปิดใจ ไรอัน บาเบล "เพชรที่กำลังถูกเจียระไน"



หลังจากใช้เวลาปรับตัวกับเกมลูกหนังอังกฤษมาระยะหนึ่ง ไรอัน บาเบล ดาวเตะตัวรุกสายเลือดดัตช์วัย 21 ปี เริ่มฉายแววการเล่นที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์ออกมา โดยเฉพาะการรับบทบาทปีกซ้ายที่ทำให้เกมบุกของขุนพล "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล มีความหลากหลายมากขึ้น
ในตอนนี้ทำได้แต่รอเวลาให้ ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือชาวสเปนค่อยๆเจียระไนบาเบล อย่างประณีตเพื่อให้ออกมาเป็นเพชรเม็ดงามประดับวงการลูกหนังโลกอย่างที่หลายคนคาดการณ์เอาไว้ตั้งแต่เขาประเดิมสนามระดับอาชีพครั้งแรกกับอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม เมื่อ 4 ปีก่อน....
ตอนนี้คุณปรับตัวเข้ากับชีวิตที่ลิเวอร์พูลได้สมบูรณ์รึยัง ?
บาเบล : "เป็นธรรมดาที่ผมจะต้องคิดถึงครอบครัว,เพื่อนๆ และอัมสเตอร์ดัมบ้านเกิดของผม แต่ผมก็ไม่ได้มีอาการโฮมซิคขนาดหนักเหมือนนักเตะต่างชาติคนอื่นๆ หรอกนะ ชีวิตใหม่ของผมเต็มไปด้วยสิ่งที่ยอดเยี่ยม,ความตื่นเต้น และแรงจูงใจมากมาย นับตั้งแต่ผมกับแฟน,พ่อแม่ และเอเย่นต์ส่วนตัว เดินทางมาถึงสนามบินจอห์น เลนน่อน (เมื่อเดือนก.ค.ปีที่ผ่านมา) แล้วเห็นคนขับรถยืนถือป้ายที่มีชื่อของผมเขียนอยู่ก็สร้างความรู้สึกพิเศษให้ผมมาก และหลังจากได้คุยกับราฟาเอล เบนิเตซ ที่สนามซ้อมของสโมสรมันก็ยืนยันได้ทันทีว่าผมตัดสินใจถูกต้องแล้ว"
ผู้จัดการทีมเบนิเตซ พูดอะไรกับคุณบ้าง ?
บาเบล : "เขาบอกว่าที่เซ็นสัญญากับผมก็เพราะอยากมีผู้เล่นที่สามารถพาบอลผ่านคู่แข่งด้วยทักษะเฉพาะตัวอยู่ในทีมมากขึ้น และพร้อมให้เวลาผมอย่างเต็มที่เพื่อปรับตัวให้คุ้นเคยกับระดับการเล่นของพรีเมียร์ชิพ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับผม และถือเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตการเล่นของผม แม้ว่าสถานะของการเป็นนักเตะดาวรุ่งที่มีพรสวรรค์จะทำให้ต้องเผชิญความคาดหวังที่มากพอสมควร แต่ลิเวอร์พูลมองว่าผมเป็นเพชรหยาบที่รอถูกเจียระไนให้ออกมาสวยงาม"
ดูเหมือนทุกอย่างจะเกิดขึ้นเป็นขั้นเป็นตอนโดยที่คุณไม่ต้องทำอะไรเลย ?
บาเบล : "ผมพยายามทำใจให้สงบนิ่ง หลายคนคิดว่าผมเป็นคนเข้มแข็ง และไม่มีอะไรรบกวนจิตใจของผมได้ แต่ความจริงมันตรงกันข้ามกันเลย หลังจากมาร์โก ฟาน บาสเท่น เลือกผมอยู่ในทีมชุดเวิลด์ คัพ 2006 บางคนถามผมว่าแอบกระโดดดีใจรึเปล่า? มันไม่ได้เป็นอย่างนั่นเลย ในใจของผมรู้สึกมีความสุขมาก แต่คุณคงไม่มีทางเห็น"
รู้สึกแปลกใจบ้างไหมที่การย้ายทีมเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว ?
บาเบล : "ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องย้ายออกจากอาแจ็กซ์เพื่อให้การเล่นของตัวเองพัฒนาสู่อีกขั้นหนึ่ง 2 ปีก่อนหน้านี้ลิเวอร์พูลเคยแสดงความสนใจผมมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ตอนนั่นผมรู้สึกไม่ดีเท่าไร ผมไม่รู้จักอะไรเกี่ยวกับพวกเขา ชื่อของสโมสรไม่ทำให้ผมรู้สึกถึงแรงจูงใจอะไรเลย ทั้งหมดมาจากความไร้เดียงสาเกินปกติของผมเอง"
"จนกระทั่งหน้าร้อนปีที่แล้วสถานการณ์ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเพราะลิเวอร์พูลเพิ่งจะเข้าถึงรอบชิงแชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 ปี เอเย่นต์ของผมบอกว่าพวกเขาเพิ่งซื้อเฟร์นานโด ตอร์เรส ไปร่วมทีม มันเลยยิ่งสร้างความสนใจให้ผมมากขึ้น ลินด์ซี่ย์ (คนรัก) ก็มีส่วนอย่างมากเราคุยกันอย่างจริงจังเป็นอาทิตย์ เราสองคนยังอาศัยอยู่ที่บ้านพ่อแม่ของตัวเอง แต่ก็คุยๆเรื่องการย้ายมาอยู่ด้วยกันไว้บ้างแล้ว การย้ายทีมที่เกิดขึ้นถือเป็นจุดเปลี่ยนแปลงสำคัญในความสัมพันธ์ของเรา และท้ายที่สุดเราก็ตัดสินใจตอบรับ"
"นอกเหนือจากนี้เบนิเตซ ยังบอกให้ผมโทรไปคุยกับเขาเป็นการส่วนตัวเพื่อบอกการตัดสินใจ เอเย่นต์ของผมให้เบอร์มา และหลังจากพยายามโทรอยู่ 4 ครั้งผมก็ได้คุยกับเขา เราพูดคุยกันอย่างเปิดอก เบนิเตซ เป็นคนที่ตรงไปตรงมา และบอกผมเกี่ยวกับระบบหมุนเวียนนักเตะ แต่สิ่งสำคัญที่สุดในการพูดคุยคือผมรู้สึกได้ว่าเขารู้จักผมในฐานะผู้เล่นเป็นอย่างดี เขาต้องศึกษาข้อมูลของผมมาอย่างละเอียดจริงๆ"
ครอบครัวของคุณมีความสำคัญมากแค่ไหน ?
บาเบล : "สำหรับผมความเห็นของพ่อ,แม่ และเอเย่นต์มีความสำคัญมาก ตั้งแต่อายุ 14 ปีที่ผมได้เจอกับวินนี่ (ฮาเทรชท์,เอเย่นต์) เป็นครั้งแรก เราได้วางแผนร่วมกันว่าเป้าหมายที่จะต้องทำให้สำเร็จคืออะไร ทุกๆ 2 เดือนเราจะนัดพบกัน และเขียนเป้าหมายใหม่ๆที่เพิ่มเข้ามา คุณต้องได้เห็นถึงจะเข้าใจสำหรับสัญญาขั้นพื้นฐานที่ผมต้องทำให้สำเร็จ ทุกอย่างถูกบันทึกไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของพ่อแม่ผมหมดเลย"
คงมีนักเตะดาวรุ่งเพียงไม่กี่คนที่มีความมุ่งมั่นแบบนี้จริงไหม ?
บาเบล : "หลังจากเกมแรกของผมกับอาแจ็กซ์ ทุกคนในครอบครัวเริ่มเห็นว่าผมต้องรับมือปัญหามากมาย ช่วงเวลานั่นผมออกไปฝึกซ้อม และกลับมาสนุกกับเพื่อนๆ ในตอนเย็น ผมไม่สนใจความเหนื่อยล้าของร่างกาย และออกไปเที่ยวในเมืองเกือบทุกวัน แต่พอผ่านไปได้ 2-3 เดือนผมก็เริ่มรู้ว่าบางครั้งตัวเองไม่เหลือเรี่ยวแรงพอจะทุ่มเทให้การฝึกซ้อม และแข่งขัน ทำให้ฟอร์มการเล่นของผมไม่สม่ำเสมอ พ่อแม่ของผม และวินนี่ พูดตรงกันว่าผมควรจะเข้านอนเร็วขึ้นเพื่อให้มีเวลาพักผ่อนมากๆ และรู้จักควบคุมการทานอาหาร กินอาหารเช้าที่มีประโยชน์ ไม่ใช่นั่งกินขนมปังเป็นแถวๆ"
"หลังจากกินอาหารเย็นมื้อใหญ่ไปแล้ว ถึงบางครั้งผมจะคิดว่าทำไมตัวเองต้องมาทนเรื่องไร้สาระพวกนี้ก็ตาม พ่อของผมเป็นคนที่ให้คำวิจารณ์ได้ตรงเป้ามากที่สุด อย่างเราคุยกัน 10 เรื่องมีดีอยู่ 8 เรื่อง เขาก็จะไปให้ความจริงจังกับอีก 2 เรื่องที่ไม่ถูกต้อง หลายปีที่ผ่านมาบ่อยครั้งที่เราโต้เถียงกันอย่างดุเดือดแต่ทั้งหมดก็เพื่ออาชีพการเล่นของผม ผมสนุกกับฤดูกาลที่แล้ว (กับอาแจ็กซ์) อย่างมาก ทั้งหมดก็ต้องขอบคุณการทำงานพิเศษนอกสนาม และการรู้จักใช้ชีวิตให้เรียบง่าย"
และคุณยังคงรักษาระดับความมุ่งมั่นแบบนี้เอาไว้ในการเล่นกับลิเวอร์พูล ?
บาเบล : "ใช่แล้ว ผมเรียนรู้มากมายจากที่นี่ และเป็นอีกครั้งที่ผมได้เห็นว่ารายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ช่วยสร้างความแตกต่าง หลังจากจบการแข่งขันเราต้องไปยืนแช่ในอ่างน้ำแข็ง 5 นาที อาการตะคริว และความรู้สึกเสียวแถวหน้าอกจะแพร่ซ่านออกมา แต่มันให้ผลดีกับอาการฉีกขาดเล็กน้อยของกล้ามเนื้อ น้ำเย็นจะช่วยลดความเสียหายได้ทันที ระหว่างปรี-ซีซั่น ผมต้องทนแช่น้ำเย็นทุกครั้งหลังการซ้อม"
"มันหนาวสะท้านไปทั้งตัว ช่วงแรกๆ ผมก็ทนได้แค่ครึ่งนาที และบางครั้งก็แอบโกงด้วยการไปยืนแช่น้ำโดยใส่ชุดวอร์มพร้อมถุงเท้า มันทำให้ผมรู้สึกขยาดตั้งแต่ยังซ้อมไม่เสร็จ แต่ตอนนี้ผมก็ชินแล้ว และเป็นผลดีกับผมที่ต้องอาศัยความยืดหยุ่นของร่างกายในการเล่นค่อนข้างสูง พอทำแบบนี้วันรุ่งขึ้นร่างกายผมไม่เหลือความเหนื่อยล้าอยู่เลย"
คุณพอใจกับพัฒนาการของตัวเองที่เกิดขึ้นในฤดูกาลนี้หรือไม่ ?
บาเบล : "ผมก็พอใจระดับหนึ่ง แน่นอนว่าผมอยากลงเล่นมากกว่านี้ และนั่นก็เป็นเรื่องปกติ บางครั้งผมก็ผิดหวังมาก แต่เบนิเตซ มีเหตุผลของเขา และเลือกที่จะหมุนเวียนผู้เล่นอยู่ตลอด ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมรู้มาก่อน และเป็นคนยอมรับมันเอง เราจะรู้ว่าใครได้ลงเล่นเพียงแค่ 1 ชั่วโมงก่อนเกม ในการฝึกซ้อมคุณไม่มีทางเดาได้เลยว่านักเตะคนไหนจะเป็นตัวจริงในเกมต่อไป"
"ตอนนี้ผมก็เริ่มคุ้นเคยมากขึ้นถึงจะมีคนมากมายรู้สึกแปลกกับวิธีการนี้ แต่เบนิเตซ เป็นโค้ชที่เก่ง และเป็นคนที่น่านับถือ มันเป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมผมไม่ได้ลงเล่นเต็ม 90 นาที สภาพร่างกายของผมยังไม่แข็งแกร่งถึงระดับที่จะลงเล่นในเกมที่มีจังหวะเร็วอย่างบ้าคลั่งของพรีเมียร์ลีกตลอด 90 นาที แม้ว่าจะเจอสโมสรเล็กๆ สำหรับผมก็ยังลำบากอยู่ ดี"
จ้ำ

ตอร์เรสตื้นตันกองเชียร์รับเกือบทำตนน้ำตาริน


เฟร์นานโด ตอร์เรส กองหน้าฟอร์มฮอตของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ยอมรับแบบไม่อายว่าเกือบน้ำตานองหน้า หลังได้ยินสาวก "เดอะ ค็อป" ตะโกนร้องเพลงเชียร์ ในเกมชนะ อาร์เซน่อล 4-2 รอบ 8 ทีม เกมแชมเปี้ยนส์ ลีก ยันไม่เคยรู้สึกเหนื่อย และพร้อมลงกระซวกตาข่ายทุกเกมที่เหลืออยู่
เฟร์นานโด ตอร์เรส กองหน้าทีมชาติสเปนของลิเวอร์พูล ยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก ออกมายอมรับว่ารู้สึกประทับใจจนแทบน้ำตาไหลหลังได้ยินเสียงของแฟนบอล "เดอะ ค็อป" ที่ตะโกนร้องเพลงเชียร์ในเกมชนะ อาร์เซน่อล 4-2 ที่แอนฟิลด์ เกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน
อดีตหัวหอก แอตเลติโก มาดริด ที่เตรียมลงกระซวกตาข่ายเกมพบ เชลซี ศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบตัดเชือก ที่แอนฟิลด์ วันอังคารที่ 22 เม.ย.นี้ กล่าวว่า "อารมณ์ของผมที่รู้สึกหลังจากจบเกมกับอาร์เซน่อล มันสุดยอดเกินคำบรรยาย ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลยจริงๆ ผมเกือบร้องไห้ออกมาหลังจากจบเกม เมื่อตอนที่กองเชียร์ร้องเพลงให้ผม"
"ถ้ารอบก่อนรองชนะเลิศมันยอดเยี่ยมขนาดนี้ ผมไม่สามารถจินตนาการถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในเกมพบ เชลซี ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นแมตช์ที่ยิ่งใหญ่มากในอาชีพของผม ผมรู้ฟุตบอลมีความหมายมาก และสามารถทำให้ทุกคนมีความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ แต่มันยังเป็นประสบการณ์ใหม่สำหรับผม ผมยิงประตูแรกที่สำคัญมากให้ ลิเวอร์พูล เกมพบ เชลซี (เสมอ 1-1) และผมอยากทำได้อีกครั้งในวันอังคารนี้"
ดาวยิงเจ้าของฉายา "เอล นินโญ่" ที่สังหาร 30 ประตูในซีซั่นแรกที่ย้ายมาร่วมทัพ "หงส์แดง" เผยว่าไม่เคยรู้สึกเหนื่อยเลย แม้จะต้องลงช่วยทีมหลายนัด พร้อมมั่นใจว่าจะยิงประตูได้มากมายในถิ่นแอนฟิลด์แน่นอน "ผู้คนถามผมว่า ตอนนี้ผมรู้เหนื่อยไหม เพราะผมเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายกับซีซั่นแรกในอังกฤษ แน่นอนว่ามันเป็นลีกที่หนักมาก แต่ผมไม่ได้รู้สึกเหนื่อยแม้แต่นิดเดียว"
"เมื่อคุณยิงประตูได้มากมาย และทีมเก็บชัยชนะได้เรื่อยๆ คุณก็ย่อมมีพลังเพิ่มมากขึ้น แต่เมื่อทีมกำลังอยู่ในช่วงที่ยากลำบาก และคุณเล่นได้ไม่ดี หรือยิงประตูไม่ได้ นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้คุณรู้สึกแย่ ตอนนี้ขาของผมยังแข็งแกร่ง และหัวใจของผมก็พร้อมสำหรับทุกเกมที่กำลังจะมาถึง"

วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2551

เบนิเตซคุยหงส์แกร่งทั่วแผ่น


ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือจอมโรเตชั่น "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล โวลั่น "เร้ด แมชีน" แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งแบบทั่วทั้งแผ่น หลังจัดการบุกไปสอย ฟูแล่ม 2-0 ทั้งที่พักตัวหลักไว้รอบู๊ แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบตัดเชือก กับ เชลซี หลายรายด้วยกัน
ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า พลพรรค "เร้ด แมชีน" แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในเชิงลึก หลังยังคงสามารถบุกไปเชือด ฟูแล่ม ลงได้สำเร็จ 2-0 ในเกม พรีเมียร์ลีก ที่สนามคราเวน ค็อตเทจ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แม้จะพักผู้เล่นตัวหลักเอาไว้หลายรายก็ตาม
ฤดูกาลที่แล้ว ลิเวอร์พูล สร้างความขุ่นเคืองให้ผู้จัดการทีมหลายคนใน พรีเมียร์ลีก โดยเฉพาะบรรดากุนซือของทีมในกลุ่มลุ้นหนีตาย เมื่อพวกเขาจัดทีมชุด 2 บุกไปเยือน ฟูแล่ม เนื่องจากต้องการเก็บผู้เล่นตัวหลักไว้ลงบู๊ใน แชมเปี้ยนส์ ลีก และกลับออกมาพร้อมความปราชัย 0-1
ซีซั่นนี้ ทีมของราฟาเอล เบนิเตซ ทำแบบเดียวกันอีกครั้งในการบุกมาเยือน "เจ้าสัวน้อย" ก่อนหน้าการลงฟาดแข้งกับ เชลซี ในรอบตัดเชือก ฟุตบอลถ้วยใบใหญ่ของยุโรป ในวันอังคาร โดยเปลี่ยนผู้เล่นจากชุดที่ชนะ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 3-1 เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ก่อนถึง 8 ราย แต่ที่แตกต่างกันก็คือพวกเขาสามารถคว้าชัยชนะกลับออกมาได้จากการทำประตูของ เจอร์เมน เพนแนนท์ และปีเตอร์ เคร้าช์
เบนิเตซ กล่าวว่า "เมื่อคุณมีเกมให้เล่นถึง 38 นัด คุณก็มีอะไรที่ต้องทำเพื่อตัวเองมากมาย ทุกคนจำเป็นต้องมีสมาธิอยู่กับทีมของตัวเอง ผมไม่รู้ว่า ทีมอื่นจัดตัวผู้เล่นอย่างไร ด้วยเหตุนี้ ผมจึงพยายามจะเอาชนะด้วยทีมของผม ทีมของเราเล่นดี และเราก็เป็นฝ่ายชนะ"
"วันนี้เราใช้ผู้เล่นที่จำเป็นต้องพิสูจน์คุณภาพของตัวเอง นั่นเป็นเหตุผลที่ผมพอใจกับฟอร์มการเล่นของทีมเรามาก ๆ ปีนี้เรามีขุมกำลังนักเตะที่ดีขึ้น และคุณก็เห็นกันไปแล้วในวันนี้ว่า เรามีคุณภาพมากพอ ถ้าคุณต้องการจะสู้เพื่อถ้วยรางวัลคุณก็ต้องใช้ขุมกำลังผู้เล่นที่มีอยู่" ยอดกุนซือชาวสแปนิช กล่าวในที่สุด

วันเสาร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2551

อังเดร โวโรนิน



นับตั้งแต่ที่ย้ายจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น มาเล่นในถิ่น แอนฟิลด์ อังเดร โวโรนิน หัวหอกผมสลวย ก็ไม่ค่อยได้ลงสนามบ่อยครั้งนัก เนื่องจากกองหน้าคนสำคัญอย่าง เฟร์นานโด ตอร์เรส หัวหอกทีมชาติสเปน และ เดิร์ค เค้าท์ ดาวยิงเลือดดัตช์ จับจองตำแหน่งกองหน้าเอาไว้หมดแล้ว แต่ก็ใช่ว่า โวโรนิน จะรู้สึกย่อท้อ เนื่องจากนี่เป็นแค่ฤดูกาลแรกของเขาในลีกเมืองผู้ดีเท่านั้น ฉะนั้นในอนาคตข้างหน้าตำแหน่งดาวยิงเบอร์ 1 ยังคงไม่ไกลเกินฝัน เพราะตอนนี้สภาพร่างกาย และจิตใจของเขาพร้อมเต็มที่แล้ว และในฤดูกาลหน้า เขาจะขอมาทวงความเป็นสุดยอดดาวยิงในสีเสื้อ "เดอะ เร้ดส์" ได้อย่างแน่นอน
ฉะนั้นวันนี้เรามาจับเข่าคุยกับ โวโรนิน ถึงเรื่องราวต่างของเขากับบรรยากาศใหม่ๆ ในประเทศอังกฤษ ซึ่งแตกต่างจาก เยอรมัน สถานที่ที่เขาใช้เวลาค้าแข้งนานกว่า 12 ปี
ตลอด 2-3 เดือนที่ผ่านมามันคงเป็นเรื่องที่แสนยากลำบากของคุณกับอาการบาดเจ็บข้อเท้า คุณรู้สึกมีความสุขมากแค่ไหนกับการได้กลับมาลงสนามอีกครั้ง ?
อังเดร โวโรนิน : แน่นอน มันเป็นเรื่องยากลำบาก เพราะมาได้รับบาดเจ็บในช่วงเวลาที่เลวร้าย ผมได้แต่ซ้อมอย่างเดียวตลอด 3 เดือนโดยไม่ได้ลงเล่น แต่ขอบคุณพระเจ้า ทุกสิ่งที่อย่างในตอนนี้มันโอเคแล้ว ผมได้ลงเล่นเป็นตัวสำรอง 2-3 ครั้งแล้ว และมันจะมีมาเรื่อยๆ ผมหวังจะเป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดใหญ่ให้เร็วที่สุด
สภาพความฟิตของคุณเป็นยังไงบ้าง ?
อังเดร โวโรนิน : มันดีมาก มันดีขึ้นทุกวัน แน่นอนผมอยากลงเล่น เพราะผมไม่ได้เล่นมานานมากแล้ว
คุณเชื่อมั่นที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมในการเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก และ พรีเมียร์ลีก ไหม ?
อังเดร โวโรนิน : ผมฟิต 100 เปอร์เซ็นต์ แน่นอนผมสามารถช่วยทีมได้ ผมรู้ว่ามันเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบาก และเราต้องพบกับเกมที่หนักหนาสาหัสรออยู่ข้างหน้า แต่ผมก็พร้อมที่จะทุ่มเทสุดกำลัง
ตอนนี้ต้องพบกับ เชลซี ในรอบรองชนะเลิศ พวกเขาแข็งแกร่งกว่า อาร์เซน่อล หรือเปล่า ?
อังเดร โวโรนิน : ถ้าพูดกันตามมุมมองส่วนตัว อาร์เซน่อล เล่นได้ดีกว่า แม้ เชลซี จะเป็นเล่นได้คงเส้นคงวามากใน พรีเมียร์ลีก แต่ อาร์เซน่อล อันตรายมากกว่า แต่ เชลซี มีกองหน้าที่สุดยอดหลายคนด้วย ผมคิดว่ามันเป็นเกมที่น่าสนใจทีเดียว เชลซี เป็นทีมชั้นยอดแต่พวกเขาจะต้องให้ความเคารพในตัวเรา
เกมนี้จะเป็นการนำ อังเดร โวโรนิน ดวลกับ อังเดร เชฟเชนโก้ ด้วย
อังเดร โวโรนิน : (หัวเราะ) ใช่ บางทีจากซุ้มม้านั่งสำรองน่ะ ! แต่ถ้าพูดแบบจริงๆ จังๆ มันคงเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมทีเดียว ผมเคยดวลกับเขาในเกมฟุตบอลถ้วยตอนนั้น เชลซี ชนะ 2-0 มันดีทีเดียวที่ได้แก้มือกับเขา เขาโทรมาหาผมเมื่อวานเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเกม แต่ผมไม่มีเวลาพูดกับเขามากนัก เราคุยกับทางโทรศัพท์บ่อยๆ และผมมั่นใจเราจะหยอกล้อกันมากกว่านี้ก่อนเกมนี้จะเริ่มขึ้น
การเผชิญหน้ากับ เชลซี มาแล้ว 2 ครั้งในรายการนี้ ทำให้ทีมได้เปรียบเรื่องภาพจิตใจหรือเปล่า ?
อังเดร โวโรนิน : ผมคิดว่า เชลซี คงจะจำทั้ง 2 เกมได้ดี เมื่อ ลิเวอร์พูล เขี่ยพวกเขาตกรอบรองชนะเลิศ ผมคิดว่านี่คงจะหมายความว่าเราต้องรับมือกับเกมที่สุดแสนตึงเครียด ผมเฝ้ารอที่จะให้ถึงเกมนี้จริงๆ และหวังว่าเราจะคว้าชัยชนะได้ โดยเฉพาะกับการได้เดินทางไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศที่ มอสโก
คุณคิดเกี่ยวกับการเล่นในรอบชิงชนะเลิศ และการไปอยู่ใน รัสเซีย ไหม ?
อังเดร โวโรนิน : เราต้องคิดเกียวกับเกมพบ เชลซี เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดอันดับแรก แต่ผมจะไปที่ มอสโก ก่อน มันเป็นเมืองที่ใหญ่ และสวยงามซึ่งมีอัฒจันทร์ที่สุดยอดมาก บรรยากาศคงจะสุดแสนมหัศจรรย์หากใครก็ตามได้ไปที่นั่น แต่เหมือนอย่างที่ผมพูด เราต้องไม่คิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้น เพราะ เชลซี เป็นทีมที่น่ากลัวจริงๆ
คุณถูกขอตั๋วไหมถ้าทีมได้ทะลุเขาไปเล่นในชิง ?
อังเดร โวโรนิน : ใช่ ผู้คนถามผมเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว แต่หนทางในนัดชิงยังอีกยาวไกล เราจะต้องทำผลงานให้ดีที่สุดเพื่อได้ไปที่นั่น
มีการวิจารณ์ทางหน้าหนังสือพิมพ์ว่าคุณไม่มีความสุขที่ อังกฤษ คุณอธิบายความหมายที่คุณสื่อออกมาได้ไหม ?
อังเดร โวโรนิน : ผมใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ผมไม่เคยพูดว่าผมไม่ชอบที่นี่ เมื่อครั้งแรกที่ผมเดินทางมาถึง ผมพบว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะผมเคยอยู่ใน เยอรมัน มา 12 ปี ผมไม่รู้ภาษาอังกฤษ แต่ผมค่อยๆ ปรับตัวทีละนิด ภรรยาของผมคลอดลูกที่นี่ และขอบคุณพระเจ้า ทุกสิ่งทุกอย่างมันโอเค ดังนั้น ผมคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตที่นี่มากยิ่งขึ้น
คุณกำลังพูดว่ามีการแปลความหมายผิดใช่ไหม ?
อังเดร โวโรนิน : ผมว่ามันเป็นความเข้าใจผิด หรือไม่ก็เจตนาที่จะอ้างอิงคำพูดแบบผิดๆ
ตอนนี้ครอบครัวคุณปรับตัวได้หรือยัง ?
อังเดร โวโรนิน : เรารู้สึกดีมากกว่าช่วง 6-7 เดือนก่อน เมื่อเรามีเวลาได้เดินทางเข้าไปในเมือง ภรรยาของผมชอบใช้เวลาไปกับการชอปปิ้งในเมือง เราชอบฟัง และไม่ค่อยมีปัญหามากนักกับการใช้ชีวิตใน อังกฤษ หรือในเมือง เว้นแต่สภาพอากาศน่ะ!
คุณได้มีการติดต่อกับแฟนบอล และทำอะไรกับพวกเขาบ้าง ?
อังเดร โวโรนิน : แฟนบอลลิเวอร์พูล สุดยอดที่สุด และน่าหลงใหลมากที่สุดในโลก ก่อนที่ผมจะย้ายมาทีนี่ผมรู้เรื่องเกี่ยวกับพวกเขา ตอนนี้ผมสามารถเล่นต่อหน้าพวกเขา และผมก็รักพวกเขามาก เราได้รับการสนับสนุนอย่างน่ามหัศจรรย์ ผมเคยเล่นในสนามมามากมาย และไม่เคยมีปัญหากับแฟนบอล แต่ผมไม่เคยรู้สึกได้ติดต่ออย่างใกล้ชิดระหว่างนักเตะกับแฟนบอลเหมือนกับที่เราได้อยู่ที่ ลิเวอร์พูล เลยจริงๆ
มีข่าวว่าคุณไม่เข้าใจสำเนียงของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด และ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ?
อังเดร โวโรนิน : (หัวเราะ) สตีเว่น และ คาร์ร่า เป็น ลิเวอร์พูลพัดเลี่ยน แน่นอน ผมพบความยากลำบากที่จะเข้าใจการออกเสียงของ พวกสเกาเซอร์ แต่นั่นเป็นเรื่องปกติที่ผมคิดนะ สำหรับผมมันง่ายมากกับการเข้าใจคนสแปนิชพูด เพราะพวกเขาพูดช้า ภาษาอังกฤษของผมพัฒนาขึ้นมานิดหน่อย และตอนนี้ผมสามารถสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีม และโค้ชได้ดีขั้น ผมหวังว่าผมจะเริ่มพูดสำเนียงสเกาเซอร์ได้ในเร็ววันนี้
คุณประเมินฤดูกาลแรกในลีกอังกฤษหน่อยสิ ?
อังเดร โวโรนิน : ผมคิดว่าผมเริ่มต้นได้ไม่เลวนัก ผมเล่นได้ลงเล่นหลายเกม และยิงได้ 2-3 ประตู แน่นอนอาการบาดเจ็บมันทำให้ทุกอย่างแย่ลง เพราะที่นี่มีนักเตะฝีเท้าชั้นนำมากมาย มันย่อมต้องมีการแข่งขัน ดังนั้น มันเป็นเรื่องยากลำบากที่จะกลับมาร่วมทีมหลังจากได้รับบาดเจ็บ ผมทำผลงานได้ดี และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผมจะสามารถช่วยทีมได้ในซีซั่นนี้ ผมคิดว่าผมยังคงมีโอกาสมากมายที่จะได้โชว์ผลงานให้กับแฟนบอลได้เห็น
คุณมองเห็นอนาคตของคุณในถิ่นแอนฟิลด์หรือเปล่า ?
อังเดร โวโรนิน : ผมไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งนั้นที่นี่ ผมอยากอยู่กับทีมต่อไป ถ้าผมมีปัญหา ผมรู้ว่าผมสามารถจัดการมันได้ ผมหวังว่าอนาคตของผมจะอยู่ที่ ลิเวอร์พูล ต่อไป
ต้อมพลิ้ว